ตอนที่ 2.
ปรัชญ์มองมัสลินด้วยแววตาเวทนา มัสลินเป็นลูกสาวของคุณ ไหมพิมพ์ลูกสาวคนเล็กของคุณยายฝ่ายค่ากับสามีนักดนตรีชาว อังกฤษ เมื่ออายุได้สิบสองก็ต้องกำพร้าสูญเสียบิดามารดาจาก อุบัติเหตุรถคว่ำ คุณยายฝ้ายคำรับหลานสาวมาเลี้ยงดูให้อยู่ อาศัยที่เรือนไทยของท่าน ในบริเวณเดียวกับคฤหาสน์ของ ลูกสาวคนโตกับสามี ห้าปีแรกมัสลินได้รับการดูแลอย่างดีจากผู้ เป็นยาย แต่พอปีต่อมาคุณยายฝ้ายคำเกิดล้มป่วยนอนติดเตียง แพรพรรณถือโอกาสนี้ให้คนเป็นแม่เซ็นยกอำนาจในการดูแล ทรัพย์สินให้ตนเอง แล้วใช้อำนาจที่มีข่มเหงหลานสาวในไส้ เรียกไปใช้งานในบ้าน รวมถึงเป็นคนเก็บค่าเช่าตึกและค่าแผง ในตลาด แลกกับอาหารและค่ารักษาพยาบาลของคนป่วย มัสลินจำต้องยอมให้ผู้เป็นป้ากดขี่ข่มเหง จนเรียนจบมัธยม ปลายนางแพรพรรณไม่ยอมส่งเสียให้เรียนต่อ เปรมใจสงสารจึง แนะนำให้มัสลินเรียนต่อทางไกลกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธร รมาธิราช จนจบปริญญามาอย่างยากเข็ญ
“ถ้ามัสออกมา แล้วใครจะดูแลคุณยาย”
มัสลินวางซ้อนลง ยิ้มเศร้า แววตาอ่อนแสงลงเมื่อนึกถึงคน ป่วยที่นอนเป็นอมพาตมาร่วมหลายปี ทุกวันนี้เธออดทนทำทุก อย่างก็เพราะมีคุณยายเป็นแรงใจ หากไม่นับผู้เป็นป้าแล้ว ท่าน คือญาติคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ จะให้เธอทอดทิ้งท่านไป หาความสุขสบายมัสลินคงทำไม่ได้
“คุณนายแพรพรรณเขามองมัสว่าเป็นหลานที่ไหน แม่แท้ๆ อย่างคุณยายก็ปล่อยให้นอนติดเตียง ไม่จ้างพยาบาลมาดูแล ไม่หาหมอดีๆ มารักษา ปล่อยให้ท่านนอนเหมือนผักอยู่ในห้อง คนอะไรใจร้ายใจดำไม่มีใครเท่า
ปรัชญ์ก่นด่าญาติผู้ใหญ่ของมัสลินด้วยความเกลียดชัง หาก มัสลินยอมให้เขากับแม่ช่วย คงไม่ต้องทนรองมือรองเท้าเป็น ทาสในเรือนเบี้ยให้ผู้เป็นป้ามานานหลายปีแบบนี้หรอก เขารู้ว่า มัสลินกตัญญูต่อคุณยาย ยอมอดทนเพื่ออยู่ดูแลท่าน ทั้งที่นาง แพรพรรณเห็นว่าเธอเป็นกาฝากที่มาอาศัยบ้านอยู่
“ช่างเถอะค่ะพี่ปอนด์ มัสขอแค่ได้ดูแลคุณยาย มัสก็พอใจแล้ว มัสไปล้างจานก่อนนะคะอิ่มแล้ว
มัสลินไม่อยากต่อความยาวให้ปวดร้าวมากกว่านี้ ลุกขึ้นหยิบ จานกับแก้วเปล่านำไปล้างหลังร้าน เปรมใจแม่ของปรัชญ์กำลัง อบขนมอยู่หันมาเห็นก็รีบมารับจานชามไปวางในอ่างล้างจาน “เอามานี่ ไม่ต้องล้างหรอกเดี๋ยวป้าล้างเอง”
“มัสล้างเองดีกว่าค่ะ มาฝากท้องกับป้าเปรมบ่อยๆ แค่นี้ก็ เกรงใจจะแย่”
มัสลินไม่ยอมทำตัวไร้ประโยชน์ หยิบฟองน้ำมาล้างจานชาม ในอ่างล้างจานจนหมด เธอได้อาศัยข้าวน้ำจากความเมตตาของ เปรมใจมาหลายปี นับตั้งแต่คุณยายป่วยเธอแทบไม่ได้กินอิ่ม คนเป็นป้าไม่ใส่ใจเรื่องอาหาร ปล่อยให้หลานสาวกินอยู่กับคน รับใช้ ตัวเองกับสามีและลูกสาวมักจะรับประทานอาหารนอกบ้าน ในครัวจึงแทบไม่มีของสดติดไว้ คนในบ้านได้ค่าอาหาร เพียงเล็กน้อยไม่พอกินอิ่มครบทุกคน คนรับใช้อย่างนางแวว นายมั่นและเด็กอาหมี่ พอมีเงินเดือนให้ใช้จ่ายจึงไม่ลำบากนัก แต่มัสลินไม่มีเงินเดือนเหมือนคนอื่น อาศัยทำขนมไทยมาฝาก ขายที่ร้านของเปรมใจ และได้ฝากท้องกับเจ้าของร้านเป็นบาง มื้อ พอมีเงินเป็นค่าอาหารให้ตัวเองและคนป่วยได้กิน ยังดีที่แพร พรรณจ่ายค่ารักษาและค่าอุปกรณ์พวกผ้าอ้อมและยาให้มารดา ตัวเอง มัสลินจึงไม่ลำบากมากกว่าที่เป็น มัสลินไม่กล้าเล่าให้คน เป็นยายฟังกลัวท่านจะคิดมาก บั่นทอนสุขภาพให้แย่ลง ได้แต่ อดทน ให้เวลาผ่านไปในแต่ละวัน ท่ามกลางความเวทนาของคน ที่รู้เรื่อง
“มีลูกค้าเขาอยากได้ขนมกลีบลำดวน เขาลองเอาไปขายที่ ร้านกาแฟของเขาแล้วลูกค้าติดใจมาสั่งป้าให้ส่งให้อาทิตย์ละ ห้าสิบกล่อง มัสทำไหวไหมลูก
“ไหวคะ มัสคงต้องขอยืมเตาอบป้าเปรมนะคะ เตาที่บ้านมัน
เล็กกลัวจะอบได้ไม่พอ”
มัสลินรีบตอบรับด้วยน้ำเสียงยินดี การได้ยอดขายเพิ่มขึ้น เท่ากับรายได้ที่มากขึ้น ต่อให้ไม่ไหวเธอก็ต้องทำให้ไหว อาจจะ ต้องแอบย่องออกมาช่วงสักสองชั่วโมงมาอบขนม
“ป้าเพิ่งซื้อเตาใหม่ มัสใช้เตาเก่าของป้าได้เลย พวกส่วนผสม ป้าจะซื้อมาเผื่อ เงินค่าขายขนมป้ายังไม่ได้จ่ายให้มัส ยังพอมี เหลือ”
เปรมใจมีน้ำใจเสมอ นางหาลูกค้าใหม่ๆ ให้มัสลิน ช่วยซื้อ วัตถุดิบมาให้ ด้วยรู้ว่ามัสลินไปซื้อมาด้วยตัวเองลำบาก มีเพียง ฝีมือการทำขนมไทยและเบเกอรี่ ที่คุณยายฝ้ายคำถ่ายทอดให้ เป็นมรดกความรู้ติดตัว ช่วยในการหาเลี้ยงตัวเอง หากเป็น มรดกทรัพย์สินเงินทอง คงถูกนางแพรพรรณแย่งชิงเอาไปหมด
“ขอบคุณมากค่ะป้าเปรม เดี๋ยวคืนนี้สักสองทุ่ม มัสจะแวะมา ขอใช้เตาอบนะคะ”
“ได้เลยจ้า ป้าจะให้ตาปอนด์เปิดประตูไว้ให้ ตาปอนด์นอนดึก จะได้อยู่เป็นเพื่อนมัส”
มัสลินอยู่ช่วยเปรมใจเอาขนมออกจากเตาจนเสร็จ ก็ยกมา หน้าร้าน เวลาเลิกเรียนผู้ปกครองมักพาลูกหลานตัวเองแวะมา ซื้อขนมก่อนกลับบ้าน ร้านขนมของเปรมใจมีทั้งเบเกอรี่และขนม ไทย รสชาติดีเป็นที่นิยมของคนในละแวกนี้และใกล้เคียง ช่วง เช้าและช่วงเย็นจึงเป็นช่วงที่ขายดี
“เชิญค่ะ ขนมเพิ่งอบเสร็จร้อนๆ เลย”
มัสลินช่วยสองแม่ลูกขายขนมมือเป็นระวิง กว่าลูกค้าจะชา ขนมในร้านก็หมดไปหลายถาด ขนมอบใหม่หมดเกลี้ยง เหลือ เพียงขนมแห้งพวกคุกกี้และขนมปังกรอบเท่านั้น เปรมใจเลยสั่ง ให้ปิดร้าน
เปรมใจขึ้นไปพัก โดยปล่อยให้สองหนุ่มสาวช่วยกันเก็บข้าว ของล้าง ทำสะอาดร้าน หลังจากเสร็จงานทั้งสองก็มานั่งคุยกัน
“ร้านป้าเปรมขายดีแบบนี้ทุกวัน อีกไม่นานก็มีเงินซื้อตึกได้แล้วมั้ง”
“แม่พี่ก็อยากซื้อ แต่คุณนายแพรพรรณเขาไม่ขายให้ สัญญา เช่าสิ้นปีนี้ก็จะหมดแล้ว ถ้าไม่ยอมต่อให้ พี่กับแม่คงต้องหาร้าน ใหม่”
เปรมใจเคยไปขอซื้อตึกแถวสองคูหาที่ตัวเองเช่าอยู่ แต่แพร พรรณไม่ยอมขายให้ แถมยังไม่ยอมต่อสัญญาเช่าที่ใกล้จะหมด ลง เหมือนจงใจให้สองแม่ลูกย้ายออกไปจากที่นี่
“ตึกแถวกับตลาดยังเป็นชื่อของคุณยายค่ะ ป้าแพรไม่มีสิทธิ์ ขาย แบบนี้มังคะป้าแพรเลยไม่ได้ขายให้ป๋าเปรม”
แม้คุณยายฝ้ายค่าจะเซ็นยกอำนาจ ในการจัดการดูแล ทรัพย์สินให้แพรพรรณไปแล้ว แต่เจ้าของทรัพย์สินทั้งหมดยัง เป็นชื่อของคุณยายอยู่ หากคุณยายยังมีชีวิตลูกสาวของท่านก็ ไม่มีสิทธิ์ขายให้ใคร
“คุณยายทําพินัยกรรมไว้หรือเปล่า ขอโทษนะ หากท่านเป็น อะไรไป พี่คิดว่าคุณนายแพรคงจะฮุบมรดกหมด ไม่แบ่งให้มัส หรอก ดีไม่ดีอาจจะเฉดหัวมัสออกจากบ้านก็ได้
ปรัชญ์มองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อน ใช่จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คนโลภมากเห็นแก่ตัวแบบแพรพรรณ ย่อมไม่เก็บหลานกาฝาก ไว้ให้รกบ้าน ต้องหาทางกำจัดออกไปให้พ้นตา
“เรื่องมันยังไม่เกิดค่ะ มัสไม่อยากคิดให้ปวดหัว ขอแค่ตอนนี้ มัสดูแลคุณยาย ได้เห็นคุณยายมีชีวิตอยู่ มัสก็พอใจแล้ว เรื่อง อนาคตปล่อยให้มันเกิดก่อนค่อยร้อนใจทีหลัง
“หึ แม่นางฟ้าในทุ่งลาเวนเดอร์ ”
หากปรัชญ่เป็นชายใจหญิง เขาคงจิกกัด แขวะมัสลินเจ็บๆ ด้วยถ้อยค่าแรงกว่านี้ ด้วยความหมั่นไส้ ในความเป็นคนดีของ หญิงสาว แต่ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจแรงๆ บนลอยๆ ออกมาเพียง เท่านั้น
“มัสยังไม่ได้เก็บค่าเช่าแผงเลย นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย มัสลินขยับลุก แต่ถูกปรัชย์จับแขนรั้งให้นั่งลง
“พี่ช่วยเก็บให้แล้ว เดี๋ยวเอามาให้ พวกแม่ค้าเขาเอามาฝาก ไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว
ชายหนุ่มลุกไปเปิดลิ้นชัก หยิบซองเงินและรายชื่อแม่ค้ามาส่งให้
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ