ตอนที่ 2 เพื่อนรักกลับมา
เห็นเป้ยฉ่ายเวยพูดแบบนั้น คิ้วของฉู่เจ๋อหยางที่ ขมวดอยู่ก็คลายลง ยกกาแฟที่วางบนโต๊ะดื่มอีกหนึ่ง
หลังจากที่เธอส่งฉู่เจ๋อหยางที่ทานอาหารเช้า เรียบร้อยออกไปทำงานแล้ว เป้ยฉ่ายเวยก็เริ่มเก็บ กวาดทำความสะอาดอพาร์ทเม้นต์ ใช้น้ำหอมของตัว เองฉีดไปทั่วห้องเพื่อความสดชื่นและบริสุทธิ์ หลังจาก แน่ใจแล้วว่าในห้องไม่มีร่องรอยของตนเหลืออยู่ จึงลาก กระเป๋าเดินทางออกจากห้องไป
เป้ยฉ่ายเวยออกจากตึกนี้ ลากกระเป๋าเดินผ่านทาง เดินเล็กๆ ที่ประดับด้วยต้นไผ่ข้างทางจนมาถึงอพาร์ท เม้นต์อีกตึกหนึ่ง
1 ปีก่อน เธอลงทุนซื้อห้องในอพาร์ทเม้นต์ไว้ห้อง หนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากตึกของฉู่เจ๋อหยางไปเพียง 2 ตึก เธอคาดเดาไว้แล้วว่าเรื่องจะต้องเป็นแบบนี้ และเพราะ ความเห็นแก่ตัวของเธอเอง เธอจึงซื้อห้องที่ใกล้กับเขา
หลังจากกลับถึงห้อง เป้ยฉ่ายเวยหยิบเสื้อผ้าออกมา จากกระเป๋าแขวนใส่ตู้เสื้อผ้าเรียบร้อย เสร็จแล้วเธอ เข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำทีหนึ่ง มองตัวเองในกระจกอยู่ สักครู่ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “4ปีแล้ว เป้ยฉ่ายเวย เธอควร จะพอได้แล้ว”
ควรจะเดินตามทางของตัวเองได้แล้ว
เป้ยฉ่ายเวยทำงานอยู่ที่ร้านขายรองเท้ายี่ห้อดังแห่ง หนึ่ง เมื่อต้นปีเธอได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการพื้นที่ ของพื้นที่แห่งนี้ นอกจากฤดูท่องเที่ยวประมาณ 2 เดือน ที่เธอต้องลงไปช่วยที่ร้านแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือค่อนข้าง ว่าง ปกติเลยอยู่กับฉู่เจ๋อหยางที่นั่น
ตอนนี้เธอตัดสินใจว่าจะไม่เจอหน้าฉู่เจ๋อหยางอีก และไม่คิดถึงเขา จะทุ่มเทให้กับงานเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันฉู่เจ๋อหยางก็มัวยุ่งอยู่กับเรื่องคดี จึงไม่ได้ โทรหาเธอเลย
ไปๆมาๆ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่ง กิจกรรมช่วงโปรโมชั่นของร้านที่เป้ยฉ่ายเวยทำอยู่ กำลังจะเสร็จสิ้นลง
“เสี่ยวหลิน เธอไปหยิบแบบพวกนี้ในสต๊อกออกมา หน่อยสิ ที่บนชั้นแล้วก็แถวนี้ด้วย….…….. เป้ยฉ่ายเวยกำลัง ยุ่งอยู่ในร้านตั้งแต่เช้าเหมือนเช่นเคย เธอเพิ่งจะสั่งลูก น้องไปได้ 2 ประโยค หนานฉิงก็โทรเข้ามาพอดี
“เวยเวย ฉันลงเครื่องแล้ว เธอช่วยมารับฉันหน่อยได้ ไหม?”
เป้ยฉ่ายเวยอึ้งไปสักครู่ คิดไม่ถึงว่าหนานฉิงจะกลับ มาเร็วขนาดนี้ เธอรับปาก หลังจากสั่งงานเรียบร้อยแล้ว เธอจึงขับรถไปที่สนามบิน
หลังจากผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง เธอก็มาถึงยังสนาม บิน
เป้ยฉ่ายเวยมองเห็นร่างเล็กๆยืนอยู่ข้างทางมาแต่ ไกล เธอลงจากรถตะโกนเรียก หนานฉิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น รีบลากกระเป๋ามาทันที ตรงเข้ามากอดเป้ยฉ่ายเวย
หลังจากกอดแล้วเธอดึงเป้ยฉ่ายเวยมาดูซ้ายทีขวา ที แล้วพูดด้วยความปวดใจว่า “ผ่านไปไม่กี่ปีเอง คน สวยที่ฉันเคยรู้จักทำไมถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ผอมไป ถนัดตาเลย! นี่คงไม่ใช่เพราะว่าเธอมีแฟนหรอกนะ ถูก ผู้ชายรังแกเอาหรือเปล่าเนี่ย?”
เป้ยฉ่ายเวยหลบสายตา พลางฝืนยิ้ม “มีที่ไหนล่ะ แฟนน่ะ คงเพราะที่ทำงานมีความกดดันสูงน่ะ”
เธอกลัวว่าหนานฉิงจะสังเกตสายตาของเธอออก ดัง นั้นเธอจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที เธอขับรถพา เพื่อนเข้ามาในเมือง ใกล้เวลาทานข้าวกลางวันพอดี เธอจึงเลี้ยงข้าวเป็นการต้อนรับหนานฉิงที่ร้านอาหาร เสฉวนแห่งหนึ่ง
ร้านอาหารเสฉวนมีรสชาติอร่อยแต่ค่อนข้างเผ็ดทำ เอาหนานฉิงอดใจไว้ไม่ได้ เธอใช้ตะเกียบทานอย่าง เอร็ดอร่อย พลางเป่าปากเพื่อคลายความเผ็ด อาหาร การกินที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียไม่ค่อยถูกปาก เธอนัก จะว่าไปก็เหมือนทรมานคนที่ชอบทานเผ็ดแบบ เธอ
เป้ยฉ่ายเวยได้แต่นั่งฟังอย่างเงียบๆ ตอบรับบ้างเป็น ครั้งคราว พลางช่วยเลือกก้างปลาออกให้เธอ
คุยกันไปได้สักพัก หนานฉิงเริ่มเข้าใจ จึงเอ่ยขึ้นว่า “ถึงแม้ฉันกับเจมส์จะเลิกกันแล้ว แต่ศาลตัดสินให้เขามี สิทธิ์เลี้ยงดูลูกสาว เจมส์ลงชื่อในสัญญาว่าจะจ่ายเงิน ให้ฉันปีละ 30,000,000 ดอลล่าห์ และไม่ให้ฉันไปเยี่ยม ลูกสาวอีก”
“หา?” เป้ยฉ่ายเวยวางตะเกียบลงบนจาน มองหน้า หนานฉิง “แล้วเธอทำยังไงล่ะ?”
“ฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ เธอต้องยินยอมไปน่ะสิ! หนานฉิงยักไหล่ สีหน้าของเธอไม่ได้สนใจอะไร “ฉัน ไม่ได้ชอบเจมส์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คืนนั้นฉันพลาดนอน กับเขาแล้วท้อง จะทำแท้งก็ไม่กล้า ก็เลยปรึกษากับเขา สุดท้ายเลยต้องแต่งงานที่นั่น”
“ลูกสาวถึงแม้ฉันเป็นคนคลอดเอง แต่ว่าฉันไม่มี ความผูกพันใดๆกับเด็กเลย เอากลับมาก็คงไม่ดี ให้ เจมส์เป็นคนเลี้ยงก็ดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทุกปีฉันได้เงิน ตั้ง 30,000,000 ดอลล่าห์ ไม่ดีตรงไหน?”
ฟังถึงตรงนี้ เป้ยฉ่ายเวยขมวดคิ้วขึ้น อดพูดไม่ได้ว่า “นั่นเป็นลูกแท้ๆของเธอเลยนะ เธอทำแบบนี้.………..
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ