ต่านานเทพกู้จักรวาล

ตอนที่ 3 ทักษะเทวะ



ตอนที่ 3 ทักษะเทวะ

นักปรุงยานึกขึ้นได้ กล่าวเสริม “ให้เขาดื่ม โลหิตวิญญาณ มาก ที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดื่มให้ท้องแตกไปเลย! ยิ่งดื่มโลหิต วิญญาณมากเท่าไร ยิ่งเสริมพลังกายมากเท่านั้น แม้ว่ามิอาจ ปลุกกายาวิญญาณ แต่พละกำลังต้องกล้าแข็งยิ่งกว่าพวกมีกา ยาวิญญาณเป็นไหนๆ

“แบบนั้น คงต่อยมังกรหมัดเดียวจอด หัวหน้าหมู่บ้านพูด กลั้วหัวเราะ “นี่ต้องทำไอ้พวกลูกเต่าหลานเต่านอกแดนโบราณ วินาศตกใจจนเยี่ยวราด”

ทั้งคู่สบตากันด้วยความมั่นในอารมณ์ จากนั้นนักปรุงยา จึงเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูตามหลัง

วันต่อมา พวกชาวบ้านจับเสือกระดูกเหล็ก มังกรเขียว นกสายฟ้า และเต่าทองคำมาได้อีกหลายตัว ด้วยเป้าหมายที่ แน่ชัด พวกเขาจึงมีแรงขับให้ขยันขันแข็ง มีแต่นักปรุงยาที่ ตะโกนด้วยความโกรธ “ให้ดื่มทั้งหมดนี้ ฉันสำลักตายพอดี

เฒ่าให้ช่างตีเหล็กหัวเราะเฮะเฮะ เห็นปากกว้างที่ไร้ลิ้น มือก็ลากนกสายฟ้าสองตัวมาด้วย

“เอ๋อต้องไหวอยู่แล้ว ท่านยาย กล่าวด้วยความเชื่อ

มั่นในตัวฉัน

นักปรุงยาจึงได้แต่ถลึงตาจ้องพวกเขาโดยไม่ต่อเขาเอาตัวหนอนออกมาและเริ่มต้นกลั่นโลหิต ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ดู เหมือนว่าจะมีอะไรผิดพลาดอยู่ดี เพราะเมื่อฉันซึ่งดื่มโลหิต วิญญาณถ้วยแล้วถ้วยเล่า บัดนี้ตัวบวมพองยังกับลูกโป่ง ผู้เฒ่า ในหมู่บ้านทั้งหมดเริ่มกระวนกระวาย เกรงว่าฉันจะระเบิด มออกมา

นักปรุงยาน้ำเข็มเงินไส้กลวงออกมาแล้เวฝังเข้าไปที่หลัง และเหนือกระหม่อมของฉัน เห็นกระแสปราณสีแดง น้ำเงิน ม่วงพวยพุ่งออกมาจากรูเข็มสู่โลกภายนอก

ผ่านไปชั่วครู่ ก็ไม่มีปราณไหลจากรูเข็มอีกต่อไป นักปรุง ยาถึงค่อยถอนเข็มออกและหันไปถลึงตาใส่พวกหญิงแก่ชาย ชรา “ค่อยเป็นค่อยไปสิ พวกเจ้าคิดว่ากำลังขุนหมูอยู่รึไง กรอก หนักขนาดนี้เดี๋ยวก็ตายเอาหรอก! ร่างของเขาบวมเพราะย่อย โลหิตวิญญาณไม่หมด พวกเจ้ารีบมาช่วยเขา ฉันไปฝึกวิชา มีดกับคนแล่เนื้อ ฝึกหมัดกับเฒ่าหม่า และท่าเท่ากับเฒ่าเป

“ผู่เอ๋อ ได้เวลาฝึกปังตอแล้ว”

คนแล่เนื้อใช้มือสองข้างยันพื้นให้ร่างไร้ท่อนล่างกระโจน ทะยานไปตั้งบนกองไม้ เมื่ออยู่บนกองนี้เขาก็สูงเกือบเท่ากับฉัน

สองมือคนแล่เนื้อกุมมืดเชือดหมูมือละเล่ม แต่มีดเชือดหมู คู่นี้ต่างไปจากมืดทั่วไป มีดเชือดหมูทั่วๆ ไปมีใบโค้งเหมืองวง พระจันทร์และยาวไม่ถึงฟุต

ในขณะที่มีดเชือดหมูในมือคนแล่เนื้อนั้นมาตรว่ารูปทรงจะคล้ายคลึงกันแต่ใหญ่ยาวกว่ามาก ใบดาบยาวหนึ่งเมตร เศษๆ ด้านสันของดาบหนา ด้านคมก็บางเฉียบ ลับจนคมกริบ เมื่อวางไว้คู่กันก็เหมือนซุ้มประตู

ฉันก็มีมีดเชือดหมูเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีเพียงเล่มเดียว แต่ก็มีขนาดเท่ากับของคนแล่เนื้อ มันหนักกว่าสิบกิโลกรัม ปกติแล้วฉันทำได้เพียงแค่ยกมันขึ้นมาจากพื้น ทว่าหลังจากที่ ดื่มกินโลหิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ พลังกายของเขาก็ เพิ่มพูน กล้าแข็งแบบก้าวกระโดด ถือมีดเชือดหมูด้วยมือข้างเดียว กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่หนักแรงไปเสียแล้ว

“ระวังนะ ท่านคนแล่เนื้อ

ฉันควงมีดด้วยมือเดียวแล้วพุ่งใส่คนแล่เนื้อที่อยู่บนกอง ไม้ คนแล่เนื้อหัวร่อดังลั่น เผยความโอ่อ่าห้าวหาญที่ฉาย โซน

แม้ว่าร่างจะเหลือเพียงครึ่งท่อน

ลมฝนราตรีทลายเมือง

ฉันมู่เหวี่ยงดาบขึ้นลงระหว่างที่เขาทะยานเข้าหาคนแล เนื้อ เปลวดสะบัดเร็วขึ้นและเร็วขึ้นสร้างเสียงลมหวีดหวิว

“ช้า เชื่องช้า ช้าจริงๆ! เจ้าช้าเกินไปแล้ว!”

คนแล่เนื้อตะโกนมฮัม มีดคู่สะบัดพลิ้วเหมือนสะเก็ด ละอองฝน ตึง ตึง ตัง ตัง เสียงปะทะพลันดังคล้ายกับพายุฝน กระหน่ำใส่ป่าท้อ “เร็วกว่านี้! เร็วกว่านี้อีก! มีดเชือดหมูของเจ้า ยังเร็วได้กว่านี้! ความเร็วคือหัวใจสำคัญของ “ลมฝนราตรี หลายเมือง’ มีดเชือดหมูต้องว่องไวประดุงพายุกลางดึก พัดกระพือโหมซัดทุกมุมเมือง ข้าอยากเห็นเจ้าเร็วกว่านี้

ประกายมืดยิ่งมายิ่งเร่งร้อน คลับคล้ายมังกรเงินสามตัว ชุดร่างไปมาขึ้นลงรอบๆ กองไม้ เสียงตัดอากาศยิ่งหวีดหรือ ในเสียงนั้นพลังดาบเข้าแทรกซึมพัวพัน ยามใดที่พลังดาบฟาด ซัดลงบนพื้น ก็ฝังรอยแยกลึกลงไปในพสุธา

นั่นคือริ้วรอยอันเกิดจากมืดของพวกเขา

“ยอดเยี่ยม! ต้องไวอย่างงี้สิวะ! มีดเจ้าไวเท่าไร พลังดาบ ก็ยิ่งเข้มข้นเท่านั้น แต่เจ้ายังไวไม่พอ มืดของเจ้าต้องรวดเร็ว เหมือนไฟนรก แผดเผา และโหมไหม้ทุกสิ่งให้เป็นจุล

คนแล่เนื้อควงมีดของเขาเป็นพายุหมุน คล้ายกับบ้าคลั่ง ภาพที่เห็นละลานตาฉันเป็นอย่างยิ่ง

“เผามัน! เผามัน! ให้มีดของเจ้าแผดเผา ให้ปราณของเจ้า แผดเผา ให้วิญญาณของเจ้าแผดเผา! เมื่อใบดาบของเจ้า ติดไฟ เมื่อนั้นแหละที่เจ้าสำเร็จทักษะเทวะ!”

มีดในมือของคนแล่เนื้อหมุนเร็วขึ้นเร็วขึ้นทุกที เสียดสีกับ อากาศจนสร้างประกายไฟ กระทั่งทำให้อากาศโดยรอบกลาย เป็นกองเพลิง มีดคู่แหวกอากาศไปมาราวกับมังกรอัคคีที่โจน ทะยาน สร้างภาพน่าเกรงขามแก่ผู้พบเห็น

มังกรอัคคีปิดร่างพุ่งเข้าใส่ฉิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีอาจต้าน ทักษะเทวะนี้ได้ ทว่าในเสี้ยววินาทีสุดท้าย มังกรเพลิงก็ปิดร่างทะยานขึ้นฉีกขย้ำความมืดมิดอันคลี่คลุมฟ้าราตรีเหนือหมู่บ้าน จนแหลกเป็นชิ้นๆ

ฉันอ้าปากค้างมองท้องฟ้าอันถูกแหวกเป็นซ่อง ประจักษ์ พยานของฤทธานุภาพมืดของคนแล่เนื้อ

แต่ไม่นานนัก ความมืดก็กระหน่ำกลบหมู่บ้านอีกครั้ง กลืนกินทุกเศษเสี้ยวของมังกรเพลิงและพลังงานดาบอันก่อรูป มัน

ความมืดมิดเบื้องบนคล้ายกับว่าพิโรธ โกรธเกรี้ยวคนแล เนื้อผู้บังอาจหันคมมีดใส่มัน กลุ่มก้อนของความมืดดำ ขย่มตัว ลงจากเบื้องบนนภากาศคล้ายกับข่มขวัญว่าจะสวาปามทั้ง หมู่บ้านให้จมหายไปในความมืดดำนั้น

แต่ทันใด รูปสลักศิลาสี่มุมหมู่บ้านก็พลันฉายแสงจ้า ขับ

ไล่มวลมืดให้ล่าถอยกลับไป

“สวรรค์เฮงซวย!”

แม้ว่าจะได้แต่ต่อตัวอยู่บนกองไม้ คนแล่เนื้อก็เขย่ามืดทั้ง สองมือคำรามขึ้นไปยังท้องฟ้า “คอยดูเถอะ ข้าจะผ่าความมืด ให้เป็นสองแล่ง ฆ่าฟันอที่ขวางทางกลับไปของข้า! เอวข้าถูก สับ แต่ศีรษะยังอยู่ดี! ข้าอาจจะสูญเสียขา แต่ขายังคงฆ่าฟัน…”

“เฮ้อ ท่านคนแล่เนื้อเสียสติไปอีกแล้ว แต่มีดของไว จริงๆ ข้าต้องฝึกอีกนานแค่ไหนนะ ถึงจะเปลี่ยนเพลงมีดของข้า ให้กลายเป็นทักษะเทวะได้”
ฉันจ้องมองคนแล่เนื้อที่กำลังทะเลาะกับท้องฟ้าด้วย ความรู้สึกชื่นชมนับถือ จากนั้นเขาจึงวางตาบเชือดหมูลงแล้ว เดินไปหาเฒ่าหม่าแขนเดียว

“ดาบของเจ้าคนแล่เนื้อต้องไวจนสร้างประกายไฟใต้ถึงจะ เรียกว่าทักษะเทวะ กระบวนหมัดของข้าก็เช่นกันต้องสามารถ สร้างเสียงคำรามของสายฟ้าฟาดให้ได้ก่อนที่จะนับว่าเป็น ทักษะเทวะ”

เฒ่าหมากหมัด สีหน้าเคร่งเครียดจริงจังค่อยๆ เข้ามา เยือนใบหน้าของเขา พร้อมๆ กับเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ ดังมาจาก กระดูก “มู่เอ๋อ เมื่อใดที่เจ้าสามารถคว้าสายฟ้าไว้ในหมัด เมื่อนั้นถึงจะถือว่าสำเร็จขั้นพื้นฐาน มีดของคนแล่เนื้อว่องไวหา ใดเปรียบ แต่หมัดของข้าระเบิดพลังไร้เทียมทาน ข้ามพ้นขีด จํากัดของเสียงและอากาศ! หนึ่งแขนฝึกหมัด หนึ่งแขนแปรผัน กร หนึ่งแขนสร้างเสียงสายฟ้าฟาด

ครินนน!

เสียงระเบิดทึบแน่นลั่นคล้ายกับเสียงฟ้าคำรามดังออกมา จากหมัดของเฒ่าหม่าเมื่อเขาซัดหมัดต่อยอากาศเบื้องหน้า

บึ้ม บึ้ม บึ้ม!

ฉันบอกไม่ถูกว่าหมัดของเฒ่าหม่านั้นรวดเร็วแค่ไหน เมื่อเฒ่าแขนเดียวปลดปล่อยกระบวนหมัดอย่างต่อเนื่อง ด้วย สายตาเปล่าฉันเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่เกิดจากหมัดของ เฒ่าหมา อันดูเหมือนว่าอีกฝ่ายมีพันแขนแทนที่จะมีเพียงหนึ่ง
หมัดของเฒ่าหม่ายังเร็วขึ้นไปอีก เปลวสายฟ้าเต้นระริก ในกำปั้นของแขนทั้งหนึ่งพัน สายฟ้าฟาดพุ่งไปมาตามเงาหมัด เช่นเดียวกัน ส่งให้ประกายไฟฟ้ากระกระชานกระเซ็นไปทั่วทิศ

“นี่คือฟ้าครามแปดจู่โจมของพุทธองค์พันกร ตราบเท่า ที่หมัดของเจ้าเร็วยิ่งกว่าความเร็วเสียง เจ้าจะสามารถควบคุม พลังอำนาจของเสียงฟ้าคราม ทุกหมัดและฝ่ามือของทักษะ เทวะนี้สามารถทำลายล้างทั้งร่างเนื้อและวิญญาณของศัตรู ส่ง มันให้ตกนรกหมกไหม้ และมีอาจผุดเกิดได้อีกต่อไป!

เฒ่าหม่ายังหมัดของตน จากนั้นกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ลองใช้ฟ้าครามแปดจู่โจมที่สอน โจมตีดูซิ ควบคุม ฟ้าแลบและสายฟ้าฟาดในมือของเจ้าด้วยระหว่างที่จู่โจม!

ฉันม่สงบใจลง ใคร่ครวญและพบว่าวันนี้สิ่งที่ท่านปู่หม่า และท่านคนแล่เนื้อสอนเขาประหลาดกว่าทุกวัน ล่าสุดที่เขา เรียนวิชายุทธกับทั้งสองคน พวกเพียงสอนวิชามีดและหมัด ธรรมดาสามัญ หากแต่วันนี้ทั้งสองผู้เฒ่าต่างอ้างถึงคำพิเศษค่ เดียวกัน

ทักษะเทวะ!

ก็เมื่อเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคำนี้ เขาจึงไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับมัน

ฉันเริ่มใช้ฟ้าครามแปดจู่โจมซัดใส่เฒ่าหมา ทว่าผู้เฒ่า แขนเดียวป้องกันกระบวนหมัดของฉันด้วยมือข้างเดียวอย่าง ไม่ยากเย็น
แม้ว่าคนแล่เนื้อจะเข้าสู่โหมดบ้าคลั่งเสียสติเมื่อสอนวิชา ให้กับฉันอยู่บ่อยๆ แต่ทุกๆ การปะทะประมีดได้ถูกคำนวณ อย่างถ้วนถี่เพื่อมิให้มืดของเขาทำร้ายฉันแม้เพียงเส้นผม ต่างจากเฒ่าหม่าซึ่งซัดหมัดกลับอย่างไม่ปรานี เมื่อใดก็ตามที่ ฉันเผยช่องโหว่ ก็จะโดนหมัดสวนเข้าไปเสมอ แม้ว่าหมัดสวน จะไม่หนักหนา แต่เมื่อโดนหลายคราฉันก็สะบักสะบอมเลือด กําเดาไหล

เฒ่าหม่ายอมให้ฉันพักก็ต่อเมื่อเด็กชายไม่มีแรงสู้ได้อีก

ต่อไป

“ขาคือสายลม แผ่นดิน และรากเหง้าของพละกำลังทั้ง มวล” เฒ่าเป้กล่าวพลางเอนตัวจึงไม้ค้ำ

มาตรว่าเขาจะมีเพียงขาเดียว เฒ่าเป๊ก็เป็นผู้สอนวิชาเท้า ให้กับฉัน เติมฉันนึกว่าท่านเปเป็นผู้เป็นคนที่สุดใน หมู่บ้าน เพราะว่าท่านผู้นี้มักจะประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น และ มีท่วงท่าอันน่าวางใจ

แต่สิ่งที่เฒ่าเป๊ชำนาญที่สุดคือการซ่อนดาบในรอยยิ้ม ไม่มีใครแยกออกได้ว่ารอยยิ้มของเขาเทียมหรือแท้

เฒ่าเป้เผยอยิ้มให้แก่ฉันมี “เอ๋อ คนแล่เนื้อโอ้อวดมีด ส่วนตาเฒ่าหมาก็คุยโวเรื่องหมัด แต่จริงๆ แล้วน่ะนะ ทักษะ เทวะที่เที่ยงแท้อยู่ในขาต่างหากล่ะ หากว่าเจ้าสับศัตรูไม่ไหว จะอัดมันให้หมอบก็ไม่ชนะ สิ่งที่เจ้าทำได้คืออะไรล่ะ วิ่งหนีน่ะสิ! เอาชีวิตรอดไว้ก่อนเป็นยอดคน! ชีวิตไม่อาจเดินบนกลีบกุหลาบได้เสมอไป สิ่งต่างๆ ย่อมผิดพลาดเข้าสักวัน ดังนั้นใช้ ชีวิตยาวกว่าศัตรูนับว่าเป็นชัยชนะ ! ตราบเท่าที่ยืนเจ้าโดยไว พอ เจ้าจะสามารถ โลดแล่นบนกำแพง บนผิวน้ำ แม้กระทั่งบน ฟากฟ้า! ทุกๆ ที่ กองเพลิง อากาศเปล่า ล้วนแต่สามารถเป็นที่ รองตนของเจ้า หากว่าเท้าว่องไวพอ! ในวินาทีที่เจ้าสามารถวิ่ง ได้เร็วกว่าเสียง เมื่อนั้นแหละเจ้าจะนับว่าสำเร็จขั้นพื้นฐานของ ทักษะเทวะ”

“เอาล่ะ มู่เอ๋อ เอาแผ่นเหล็กมาผูกขาเร็วเข้า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ