ตะวันพ่ายจันทร์ ซีรีส์ชุดเมีย

๑.๓ คนที่(ไม่) ใช่



๑.๓ คนที่(ไม่) ใช่

แม้ประตูจะไม่สามารถปิดเสียงแวดของศศิประภาได้สนิทนัก แต่ความสนใจของจันทริกาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ศศิประภา สิ่งที่เธอ ทำทันทีหลังจากพาแมวตัวนั้นเข้าห้องก็คือ หยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ด ขนซับน้ำออกให้จนหมาด จากนั้นก็จัดการไดร์ขนให้มัน กระทั่ง อาการสั่นเทาของมันค่อยๆ สงบลงและเป็นปกติ ในที่สุด

“เมี้ยว…เมี้ยว…”

มันร้องพลางเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ช่วยชีวิตตัวเองด้วย แววตาเปล่งประกายซาบซึ้งและภักดี ทำให้จันทริกายิ้มบางๆ ออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวมันเบาๆ

“ไง…หายหนาวแล้วเนอะ

แมวเหมียวไม่ตอบด้วยภาษาปาก แต่ตอบด้วยภาษากาย โดยการเอาหน้ามากข้างลำตัวของเธอ จากแมวจอมซ่าที่ถูกหมา ฟัดจนตกน้ำป๋อมแป๋ม ตอนนี้มันกลายเป็นแมวขี้อ้อน ช่าง คลอเคลีย แบบนี้เจ้าของมันคงจะหลงน่าดู

จันทริกาชอบแมว เธออยากเลี้ยงแมวมานานแล้ว เคยขอพ่อ เรื่องนี้ แต่น้าสิริมากับศศิประภาคัดค้าน เพราะศศิประภาไม่ชอบ สัตว์และสิริมากลัวว่ามันจะทำให้บ้านสกปรก ซึ่งพ่อของเธอก็ไม่ กล้าขัดใจภรรยาใหม่ เธอจึงไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง เลย แต่ก็ช่างเถอะเมื่อไหร่ที่เธอโตพอจะทำงานหาเงิน และมีบ้าน เป็นของตัวเอง เธอจะเลี้ยงแมวให้เต็มบ้านเลย เอาสักห้าหกตัวจะได้ไม่เหงา

“ชื่ออะไรเหรอเรา ทำไมซ่านัก ไปฟัดกับบางแก้วตัวโตๆ แบบนั้นได้ยังไง” จันทริกาอุ้มเจ้าแมวเหมียวที่หนักราวๆ ห้ากิโล ขึ้นมาวางบนตักแล้วถามมัน

เงียบ มันไม่ตอบเช่นเดิม เพราะพูดไม่ได้ ทำได้แต่มองหน้า เธอตาแป๋วเท่านั้น

“พีชื่อจันทร์นะ แต่พี่ว่าเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า โอเคป่ะ”

“เมี้ยว…” คราวนี้แมวเหมียวร้องออกมาเหมือนกับพอใจที่ ได้ยินแบบนั้น

“ตกลง…เราจะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป งั้นจันทร์ ไปอาบน้ำก่อนนะจันทร์อาบไม่นานหรอก เดี๋ยวอาบเสร็จจันทร์ จะไปหาอะไรมาให้กิน

จันทริกาวางมันไว้บนเตียงนอนของตัวเอง ก่อนจะลุกไปอาบ น้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะหลังจากนี้ต้องออกไปล้างจานและทำ กับข้าว รวมถึงทำความสะอาดบ้าน ซึ่งเป็นงานที่เธอต้องรับผิด ชอบทุกวันไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่ไปโรงเรียนหรือไม่ก็ตาม

ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง

เสียงกริ่งจากหน้าบ้านดังขึ้น ทำให้ศศิประภาออกจะ หงุดหงิด เพราะปกติคนที่มีหน้าที่ต้องไปเปิดประตูคือจันทริกา แต่ตอนนี้ยังเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง หลังจากหายเข้าไปพร้อมแมวสกปรกตัวนั้น

หญิงสาววัยยี่สิบห้าซึ่งแต่งตัวด้วยเสื้อยืดรัดรูป กางเกงขา สั้น เดินไปชะเง้อมองคนกดอย่างคนอารมณ์เสีย แต่พอเห็นว่าคน ที่มายืนกดกริ่งหน้าบ้านอยู่นั้นคือหนุ่มหล่อ ศศิประภาก็รีบสาว เท้าออกไปหาอย่างเร่งรีบ ราวกับกลัวว่าผู้ชายคนนั้นจะเปลี่ยน ใจเดินหนีไปก่อน

“สวัสดีค่ะคุณรังสิมันต์ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” ศศิ ประภาถามเสียงหวานนุ่ม ผิดกับเสียงที่ใช้แว้ดใส่เด็กสาวร่วม ชายคาเมื่อครู่นี้อย่างลิบลับ และแน่นอนเธอเรียกชื่อผู้ชายรูปร่าง สูงหน้าตาหล่อเหลาซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตูรั้วนั้นได้ถูกต้อง แม่นยำ ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ใครล่ะจะ ไม่รู้จักเจ้าของบ้านหลังใหญ่และกว้างขวางมากที่สุดในละแวกนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ร่ำรวยแค่ไหน เธอเคยแต่ชะเง้อมอง และคิดว่าผู้ชายแบบนี้อยู่สูงเกินเอื้อม ทว่าวันนี้เขากลับมายืน ตรงหน้าแล้ว

“รู้จักชื่อผมด้วยเหรอครับ

“รู้จักสิคะ ใครไม่รู้จักคุณรังสิมันต์ก็เชยแย่แล้วค่ะ ว่าแต่มี อะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงได้มากดกริ่งหน้าบ้านศศิแบบนี้

“พอดีแมวผมหายไปจากบ้านน่ะครับ ได้ยินเสียงเหมือนมัน ไล่ฟัดกับหมา นี่ก็นานเกือบชั่วโมงแล้วยังไม่กลับบ้าน ผมเลยจะ มาถามว่าเห็นบ้างหรือเปล่า พอดีผมถามมาหลายบ้านแล้ว”

“แมว?” ศศิประภายนคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะนึกถึงแมวตัวที่จันทริกาอุ้มเข้ามาในบ้านเมื่อครู่นี้

“ครับ”

“มีอยู่ตัวหนึ่งค่ะ ศศิเห็นมันเหมือนกำลังต้องการความช่วย เหลือก็เลยช่วยเอาไว้ ตอนนี้อยู่ในห้องของศศิ ไม่รู้ว่าจะใช่แมว ของคุณรังสิมันต์หรือเปล่านะคะ เดี๋ยวจะไปเอามาให้ดูค่ะ

ว่าแล้วศศิประภาก็รีบตรงเข้าไปยังห้องของจันทริกา ยกมือ ขึ้นเคาะรัวๆ แต่จันทริกาก็ไม่เปิด เธอจึงไปหยิบกุญแจสำรองมา ไขเข้าไปเสียเอง

แมวตัวนั้นนั่งอยู่บนเตียงของจันทริกา และมีเสียงซ่าๆ ดัง ออกมาจากข้างใน ศศิประภาเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะ คว้าเอาสัตว์ที่ตัวเองเคยเกลียดนักเกลียดหนาออกจากห้องไป โดยไม่ยอมบอกกล่าวจันทริกาสักคำ

“ใช่ตัวนี้หรือเปล่าคะ

“เมี้ยว….เมี้ยว…”

เมสซี่ร้องขึ้นอย่างดีใจทันทีที่เจอเจ้าของ และรังสิมันต์ เอื้อมมือไปรับคืนมาอุ้มไว้ พลางคลี่ยิ้มอย่างดีใจทันที

“ใช่ครับนี่แมวผมเอง มันชื่อ ‘เมสซี่’ ขอบคุณมากนะครับที่ ช่วยมันไว้”

“ไม่เป็นไรค่ะ ศศิชอบแมวมากนะคะ แต่เข้าใกล้มันไม่ค่อย ได้ เพราะศศิแพ้ขนแมวน่ะค่ะ”
“คุณศศินี่จิตใจดีจังเลยนะครับ ขนาดตัวเองแพ้ขนแมวก็ยัง อุตส่าห์ช่วยแมวของผมไว้” รังสิมันต์เอ่ยชมพร้อมกับจ้องหน้า สวยๆ นั้นอย่างพอใจ ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เขาจะได้เจอผู้หญิงที่น่ารัก และจิตใจดีถึงสองคน ในเวลาห่างกันไม่ถึงสองชั่วโมง

“พี่ศศิเห็นแมวที่จันทร์…”

เสียงหวานใสของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จถามยังไม่ทันจบ ประโยค ศศิประภาก็หันไปทำตาใส่ พร้อมๆ กับที่จันทริกาเห็น ว่าแมวตัวนั้นไปอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายใจดีเสียแล้ว

“อ้าว…เรานั่นเอง เจอกันอีกแล้วนะ บ้านเราอยู่นี่เองเหรอ” รังสิมันต์เอ่ยทักขึ้นอย่างดีใจ เมื่อได้เจอหน้าเด็กผู้หญิงที่สั่น คลอนความรู้สึกของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันนั้นอีกครั้ง

“ค่ะ…” จันทริกาตอบสั้นๆ อย่างคนพูดน้อยเช่นเดิม

“พอดีแมวมันหายออกมาจากบ้านน่ะ ไอ้นี่มันซ่าไล่ฟัดกับ หมา โชคดีได้พี่สาวของเราช่วยเอาไว้ไม่งั้นคงจะเตลิดไปไกล เลย”

จันทริการงคำพูดของรังสิมันต์เล็กน้อย ศศิประภาบอกว่า เป็นคนช่วยแมวตัวนี้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังแว้ดๆ ใส่เธออยู่เลย

“นี่เรามายืนทำอะไรอยู่ฮะยัยจันทร์ มีงานต้องทำไม่ใช่เหรอ ไปซะสิ ที่นี่ไม่มีธุระของเรา” ศศิประภารีบเอ่ยปากไล่ ก่อนที่ ความจะแตกว่าแท้จริงแล้ว คนที่ช่วยเหลือแมวของรังสิมันต์คือ จันทริกา ไม่ใช่ตัวเองอย่างที่แอบอ้างไปหยกๆ
จันทริกามองแมวตัวซึ่งตัวเองเป็นคนช่วยชีวิต มันเองก็มอง มายังเธอสายตาละห้อย หากสุดท้ายเธอก็จำต้องหมุนตัวกลับ เข้าไปในบ้านเงียบๆ ตามที่ศศิประภาบอก เพราะคร้านจะมีเรื่อง กับพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ อย่างน้อยเจ้าแมวตัวนั้นก็ได้เจอกับ เจ้าของที่แท้จริงแล้ว แม้ความจริงจะถูกบิดเบือน แต่ก็ช่างเถอะ เธอชนเสียแล้วกับการโดนสวมรอยและแอบอ้างเอาผลงานแบบ

รังสิมันต์แอบมองตามร่างบางของเด็กสาวนั้นไปพลางลอบ ถอนหายใจเบาๆ จะว่าไปลูกสาวบ้านนี้ก็ล้วนหน้าตาดีและจิตใจ ดีทั้งคู่ เพียงแต่ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า “ศศิ ดูร่าเริงสดใสและ อ่อนหวานมีจริตจะก้านกว่า ส่วนเด็กผู้หญิงที่เขาเพิ่งรู้ว่าเธอชื่อ จันทร์…ไม่ค่อยพูด แววตาเศร้าๆ แต่เพราะอย่างนี้แหละมั้ง ถึง ทําให้เขาอยากควานหาความเศร้าในใจเธอ และนึกอยากกอด ปลอบประโลมให้หายเศร้า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ