ฉันเป็นองค์หญิงปลอม!

บทที่ 9 ลอบทำร้าย



บทที่ 9 ลอบทำร้าย

บทที่ 9 ลอบทำร้าย

“หวยวิ่งอย่าเสียใจไปเลย ตอนเด็กหมอก็บอกแล้วว่าขามีอายุ อยู่ได้อีกไม่นาน แต่ตอนนี้ข้าเติบโตมาอย่างสมบูรณ์ ช่วงชีวิตที่ ผ่านมา มองดูสี่ฤดูของหนึ่งปี ฤดูใบไม้ผลิไปฤดูใบไม้ร่วงมา มองดูดอกไม้บาน ดอกไม้ร่วง มองดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าและ ตกดินไปตอนเย็น โดยเฉพาะวันนี้ข้าได้เจอกับเจ้า หวยง……. ว่อหยู รู้สึกดีใจอย่างมาก”

เจียงรั่วซินได้ยินแล้วก็ต้องอึ้ง และพูดตอบว่า “พี่ว่อหยูพูดมา มีเหตุผล หวยจึงคิดน้อยไปเอง”

“คนเกิดมา ก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตให้คุ้มค่า หวยวิ่ง กินข้าวกัน

เถอะ”

“ได้” ทั้งสองคนเริ่มทานอาหารกัน

เจียงรั่วซินกินข้าวเสร็จก็เล่นหมากล้อมกับว่อหยูต่อ “ลืมถามเลยหวยวิ่งมาจากไหนเหรอ แล้วจะไปที่ไหน?”

เจียงรั่วซินเลิกคิ้วขึ้น: “หวยวิ่งมาจากแคว้นซี ตอนนี้ไม่มีที่ไป บ้านข้าเกิดภัยขึ้น จึงพาน้องสาวคนเดียวในบ้านออกมาข้างนอก เพื่อหาวิธีรักษา”

“ในเมื่อเช่นนี้ หรือว่า………หมูมองเจียงรั่วซินและพูด แต่ยังไม่ทันพูดออกมา เจียงรั่วซินก็พูดแทรกขึ้นก่อน

“ตระกูลข้ามีกฎไว้ว่าต้องช่วยเหลือผู้อื่น แม้บ้านพบเจอภัย ก็

จะลืมกฎข้อนี้ไม่ได้” เจียงรั่วซินจำใจต้องสร้างเรื่องขึ้นมา “หวยจึงรู้ใจว่อหยูจริงๆ ในเมื่อหวยจึงมีความตั้งใจที่ยิ่งใหญ่ งั้นว่อหยูก็ไม่ชวนแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหวยจึงจะอยู่ในเมืองนี้อีกนาน

ใหม” ว่อหยูพูดอย่างนับถือ

“คงอีกไม่กี่วัน เจียงรั่วซินตอบ

เจียงรั่วซินมองไปด้านนอกหน้าต่างก็เริ่มมีจุดไฟตามถนนแล้ว “พี่ว่อหยู ฟ้าก็มืดมากแล้ว ข้าควรกลับแล้วล่ะ”

“งั้นดี ถ้าเจ้ายังอยู่ในเมืองต่อ งั้นพวกเรามาเล่นหลากล้อมที่ ยังเล่นไม่เสร็จดีหรือไม่?” ว่อหยลุกขึ้น

“ได้สิ” แต่เกรงว่า โอกาสที่จะเจอกันคงมีน้อยมาก

เจียงรั่วซินเดินออกจากร้านอาหาร ลมฤดูร้อนพัดมาถี่ๆ ไม่รู้ สึกร้อนเลย จักจั่นร้องไม่หยุด เสียงจักจั่นเหมือนเพิ่มความสดใส ของฤดูร้อนได้มาก

“คุณชาย วันนี้ท่านเหมือนจะดีใจมากนะขอรับ” หลันเยวที่อยู่ ข้างๆถามขึ้นอย่างสงสัย แต่คุณชายดีใจ นางที่เป็นสาวรับใช้ ส่วนตัวก็ควรจะดีใจด้วย หลันเยว่คิดเช่นนี้

“เยว่เอ๋อ ข้าแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ”

เจียงรั่วซินหัวเราะออกมา มาแคว้นลุงเฉินไม่นาน คงมีเพียงเรื่องนี้ที่ทำให้นางมีความสุขจริงๆ ไม่มีพ่อแม่ เติบโตมากับ อาจารย์แต่เล็ก ทั้งใจมีแต่อาจารย์เพียงผู้เดียว อาจารย์สำหรับ นางแล้วเป็นเสมือนพ่อแม่ เพื่อนและครู ไม่คิดว่ามาที่นี่ยังได้เจอ กับคนรู้ใจอีก ดีจริงๆ……แต่ว่าหวยจึงว่อหยู เป็นสองชื่อที่ดีมาก

หลันเยว่เห็นคุณหนูยิ้มและไม่พูด ในใจก็อดถอนหายใจไม่ได้ “คุณชาย พวกเรารีบกลับไปกันเถอะ ไม่งั้นท่านอ๋องจะเป็นห่วง เอา”

เจียงรั่วซินได้ยินท่านอ๋องนั้นก็ต้องหุบยิ้มทันที ได้ยินชื่อท่าน อ๋องนั้นทีไรเป็นต้องหมดอารมณ์ทุกที

ยังอยากจะระบายสักหน่อย ทันใดนั้นเจียงรั่วซินก็เงียบลง กลางคืน ในฤดูร้อนเงียบมาก บนถนนไม่รู้ว่าคนหายไปไหนหมด มีแต่เสียงจักจั่นร้อง กลายเป็นเสียงเดียวบนถนนนี้ หลันเยว่กลั้น หายใจไว้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก็มีเงาดำออกมาจากด้าน หลัง เจียงรั่วซินเหล่เห็นคนชุดดำทางซ้ายมือก็รีบหลบดาบเขา อย่างไว

เจียงรั่วซินมองดูชายชุดดำตรงหน้าก็มีเหงื่อออกตรงฝ่ามือ ใน สายตานางแล้ว วรยุทธ์ของตัวเองคงสู้เขาไม่ได้แน่ มองดู หลันเยวข้างๆ เจียงรั่วซินหนักใจ ตอนนี้คงมีวิธีเดียว………เว กลับดึงนางไว้ ใช้สายตาบอกให้เจียงรั่วซินวิ่ง นางเบิกตาโพลง เจ้าเด็กนี่จะไปเสี่ยงอันตรายงั้นเหรอ ขนาดข้ายังสู้ไม่ได้เลย เยว่ เอ๋อที่ตัวเล็กแรงก็ไม่มากคงได้ตายคาดาบพวกเขาแน่

ไม่รอเจียงรั่วซินพูดหลันเยว่ก็วิ่งโจมตีไปทางคนชุดดำแล้ว“คุณชาย รีบวิ่ง เป้าหมายของเขาเป็นท่าน ไม่ทำอะไรข้าหรอก”

เจียงรั่วซินได้แล้วก็ต้องปฏิเสธ ยังไม่ทันได้คิดอย่างละเอียด เจ้าเด็กคนนี้อยู่กับตัวเองมานาน นางกลับไม่รู้ว่าเยว่เอ๋อเป็นวร ยุทธ์ด้วย ในสมองก็คิดว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี เจียงชั่วชิ้นนึก อะไรขึ้นมาได้

หลันเยว่เห็นเจียงรั่วซินยังไม่วิ่งก็สมาธิแตก ไม่ทันตั้งตัวถูกคน ชุดดำฟันเข้าที่แขน ดาบของคนชุดคมกริบ หลันเยว่รู้ว่าเวลา นานเข้าตัวเองจะต้านไม่อยู่ จึงบอกให้คุณชายรีบไป

“หลันเยว่ ถอยไป!” หลันเยวยังไม่ทันคิดวิธีดีๆได้ก็ได้ยินเสียง ใสดังขึ้นจากด้านหลัง จึงรีบหลบอย่างไว

เจียงรั่วซินรีบวิ่งไปในตอนที่หลันเยวถอยออก คนชุด เห็น เจียงรั่วซินวิ่งมาก็แอบดีใจ จึงวิ่งพุ่งไปหาเจียงรั่วซิน พอนางเห็น คนชุดดำพุ่งมา ก็นับในใจ สาม สอง หนึ่ง ตอนนี้แหละ!

เจียงรั่วซินรีบวิ่งเข้าไปพอใกล้ถึงตัวคนชุดดำแล้วก็คุกเข่าลง ทันที มีเสียงตึกดังขึ้น หลันเยว่ได้ยินเสียงนี้ ก็เบิกตาโพลงโต และเจียงรั่วซินใช้โอกาสนี้สาดผงจากด้านบน เนื้อหนังที่เผยออก มาของคนชุด ทันใดนั้นก็เกิดเป็นแผลพุพอง คนชุด ร้อง อย่างเจ็บปวด เจ็บจนลงกลิ้งที่พื้น

เจียงรั่วซินเห็นแบบนี้แล้วก็โล่งใจ สำเร็จแล้ว สำเร็จแล้วจริงๆ

“คุณชาย คุณชาย” หลันเยวรีบวิ่งเข้าไปประคองเจียงรั่วซินที่ คุกเข่าบนพื้น “คุณชาย ท่านไม่ต้องทำเพื่อบ่าวขนาดนี้หรอก เจ้าค่ะ” เจียงรั่วซินมองดูหลันเยวที่น้ำตาอาบแก้ม ก็พูดตอบว่า”เจ้าเด็กโง่”

“เยว่เอ๋อ พวกเรารีบไปกันเถอะ” เจียงรั่วซินลุกขึ้นมาอย่าง ลำบาก ในตอนที่คุกเข่าลงพื้นนางก็รู้แล้วว่าเข่าตัวเองคงจะ แหลกละเอียดไปครึ่งแล้ว

“เจ้าค่ะ” หลันเยวรีบเช็ดน้ำตา พยุงเจียงรั่วซึนลุกขึ้น หลันเยว พึ่งพยุงนางเดินออกจากถนนเส้นนี้ คิดว่าคงปลอดภัยแล้ว ก็ได้ ยินเสียงน่ากลัวดังขึ้น “สองท่านจะไปไหนเหรอ”

เจียงรั่วซินตกใจ มองไปด้านหน้ามีแต่ความมืด นางหรี่ตาลง ถึงจะเห็นได้ชัดเจน ที่แท้ด้านหน้าตรงมุมถนนมีคนสวมชุดดำ ทั้ง ตัวไม่มีเนื้อหนังเผยออกมาเลย มีเพียงดวงตาหนึ่งคู่ที่เผยออกมา มองดูทั้งสองอย่างเจ้าเล่ห์ ชุดนั้นเหมือนกลายเป็นหนึ่งเดียว กับค่ำคืน เจียงรั่วซินถอนหายใจ ดูแล้วคงจะเป็นตั๊กแตนจับ จักจั่น นกรออยู่ด้านหลังสินะ ดูแล้วครั้งนี้คงหนีไม่รอดแล้วล่ะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ