ฉันเป็นองค์หญิงปลอม!

บทที่ 3 หนีงานแต่ง



บทที่ 3 หนีงานแต่ง

วันที่สอง เจียงรั่วซินตั้งใจเลือกชุดกระโปรงสีม่วง บนหัวก็ปักปั่น ไว้ ดูงดงามตระการตาทีเดียว และยังสง่างามไม่เบา ขนาด หลันเยวยังอดไม่ได้พูดว่าองค์หญิงสวยจริงๆ

สวย ก็ต้องสวยอยู่แล้ว นี่เป็นสีที่ฮ่องเต้ถุงเฉินชอบเลยนะ ถ้า เกิดตัวเองไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับอ๋องหยอะไรนั่นแล้ว อยากจะ หย่า ยังต้องพึ่งท่านนั้นนะ

แต่ว่าเข้าวังก็เป็นแค่พิธีการอย่างหนึ่ง เจียงรั่วซินกลับถึง ตำหนักก็ได้รับราชโองการหนึ่ง แต่งงานในสามวัน เจียงรั่วซินรู้ สึกกังวลใจอย่างมาก

หลังจากสามวัน………

เจียงรั่วชินคิดไม่ถึงเลยว่างานแต่งตัวเองตรงหน้าจะเป็นเต่า เต่า! ตาอ๋องหมู่นั่นหายไปไหนแล้ว

เจียงรั่วซินทำพิธีอะไรเสร็จแล้ว นั่งบนเตียง ดึงผ้าคลุมหัวตัว เองออก ตอนนี้ให้มันได้อย่างนี้สิ ทั้งแคว้นตุงเงินคงจะนินทา หัวเราะเยาะตัวเองอยู่แน่ ตัวเองคงจะกลายเป็นตัวตลกในเมืองนี้ แล้วล่ะ!

เจียงรั่วซินคิดแล้วก็ยิ่งโมโห จึงหยิบเอาอาหารข้างๆยัดเข้าปาก

“ไอหยา พระชายา จะกินตอนนี้ไม่ได้นะเพคะ” สี่เหนียง(พิธีกรแม่สื่อ) เห็นเพียงรั่วซึนกินอยู่จึงเข้าไปห้ามปราม

เจียง วชินวางจานลง พูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านอ๋องล่ะ?”

“ท่านอ๋อง………………. สี่เหนียงพูดติดๆขัดๆ ตากระสับ

กระส่าย

“เจ้าออกไปก่อน” เจียงรั่วซินพูดไล่

“พระชายา……

“ออกไป!”

“เพคะ….” สี่เหนียงลังเลสักพัก ก็รีบเดินออกไป

ดูแล้วช่วงนี้ที่พวกคนใช้มือกันคงจะเป็นจริง ตั้งแต่วันก่อนอ๋อง หยูก็หายตัวไปแล้ว หายตัวแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิ อ๋องหยู่ เจ้า บังคับข้าเองนะ เจียงรั่วซินมองดูผ้าชั้นดีที่เต็มอยู่ในห้อง ก็ หัวเราะออกมา

ในขณะเดียวกัน ในบ้านชานเมืองตะวันตก ชายสองคนกำลัง มองดูหญิงบนเตียง และเดินออกไปเงียบๆ

“อาเจ็ด นี่ท่านกำลังหนีงานแต่งอยู่นะ” จื่อเฉิงบ่นชายตรง หน้า “นั่นเป็นถึงองค์หญิงซีเหอแห่งแคว้นซีนีเลยนะ คิดว่าอาเจ็ด น่าจะรู้ว่าแคว้นซีส่งลูกรักหัวแก้วหัวแหวนมา เพราะอะไรนะ”

โม่ฝันหมองดูชายตรงหน้า พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่คิดว่าจื่อ เฉิงจะรู้เรื่องราชการด้วย

“จื่อเฉิงไม่กล้าหรอก จื่อเฉิงเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา เป็นเพียงคนค้าขายเท่านั้น” จื่อเฉิงพูด

“คนค้าขายก็ดี ชาวบ้านก็ช่าง ในสายตาข้า เจ้ากับฮ่องเต้ก็ เหมือนกัน เป็นหลานข้าทั้งหมด

กู้จื่อเฉิงได้ยินแล้วก็ต้องอึ้ง และมีน้ำตาเอ่อล้น

“จ๋อเฉิงไม่ลืมคำสอนของอาเจ็ด พระคุณของท่านข้าจะจดจํา

ไว้ในใจเสมอ”

“จําไว้ก็ไม่จําเป็นแล้วล่ะ ข้าต้องกลับไปคิดแล้วว่าจะทดแทน องค์หญิงเหอยังไง ส่วนด้านฮ่องเต้………เกรงว่าต้องจ่ายอะไร เสียหน่อยแล้วล่ะ”

“อาเจ็ด อาการป่วยของนาง…….

โม่ฝันหยู่เดินไปถึงประตูก็ต้องชะงักลง “ข้าจะคิดหาวิธีต่อไป

พักอยู่ในตำหนักอ๋องหนานหลายวัน อ๋องหมู่ยังไม่กลับมาสัก วัน เจียงรั่วซินก็สบายตัว กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ และ พูดอย่างดีใจว่า: “คืนนี้เวลาเที่ยงคืนเป็นเวลามงคล มงคลจริงๆ

ตกดึก เจียงรั่วซินเปลี่ยนชุดเป็นผู้ชาย แอบเข้าไปในห้องเก็บ ของ ยังดีนะ ตัวเองขอกุญแจห้องเก็บของมาจากพ่อบ้านแล้ว ได้ยินว่าตำหนักอ๋องหมีเงินทองของมีค่ามากมาย ขโมยออกไป หน่อยก็พอสําหรับตัวเองและอาจารย์ใช้ตลอดชีวิตแล้ว ต่อไปก็ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองแล้ว ยังได้ยินมาอีกว่าอ๋องหมู่มีนิสัย โหดเหี้ยม รังแกผู้หญิง เจียงรั่วซินถามใจตัวเองว่า “อันนี้ข้า ขโมยเพื่อช่วยคนยากไร้……..เพื่อช่วยคนยากไร้…….
เจียงรั่วซินฮัมเพลงและหยิบของมาได้เต็มกระเป๋า ก็รีบวิ่งออก ไป แต่กลับเห็นมีคนยืนอยู่หน้าประตู ถูกจับได้แล้ว? ใครน่ะ?

เจียงรั่วซินขยับเข้าไปดู กลับเห็นคนผู้นั้นสวมชุดดำ จึงคิดว่า

ท่านจอมยุทธผู้นี้น่าจะมาขโมยเพื่อช่วยคนยากไร้ “ท่านจอมยุทธ ท่านก็มาขโมยเพื่อช่วยคนยากไร้เหมือนกันใช่ ไหม?”

ขโมยคนรวยช่วยคนยากไร้งั้นเหรอ? คนผู้นั้นแสยะยิ้ม

“ท่านจอมยุทธ ข้ามองเจ้าเหมือนพวกเดียวกัน ข้าจะแอบบอก เจ้าแล้วกันนะ เจ้ามาที่นี่ถือว่ามาถูกที่แล้วล่ะ ข้าดูเงินทอง มากมายในห้องนี้ ไม่แน่ของพวกนี้อาจจะเป็นของที่อ๋องอยู่ติด สินบนมาก็ได้นะ”

ติดสินบน? เขาแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าพูด

“ท่านจอมยุทธ เจ้าไม่เป็นมืออาชีพเลยนะ มานี่ทำไมถึงไม่เอา กระเป๋ามาด้วย ข้ายังมีอีกอันจะเอาไหม……..ให้เจ้า ถือว่าข้า เห็นใจเจ้าแล้วกัน”

เห็นใจเหรอ? ไม่ได้ เลิกคิ้วขึ้น

“ท่านจอมยุทธเป็นอะไรไป ทำไมไม่พูดล่ะ เจ้าคิดเหมือนที่ข้า พูดใช่ไหมล่ะ”

เจียงชั่วชนคิดว่าคนตรงหน้าพูดไม่ได้ ไม่คิดว่าเขากลับพูดขึ้น ว่า “ทำไมต้องขโมยของด้วย?”
“ก็บอกแล้วไง ขโมยไปช่วยคนยากไร้……..

“เจ้าล่ะ?” เจียงรั่วซินหันไปมองชายคนนั้น

เห็นเขายังไม่พูด เจียงรั่วในลังเลสักพักก็พูดว่า “หรือว่าพวก เราแบ่งครึ่งไหม ของที่นี่ข้าเอาไปขายไม่น้อยแล้ว ขาเอาไปแลก เป็นเงินแล้วล่ะ”

ขายแล้ว?! ชายหนุ่มมองเจียงรั่วซินอย่างไม่อยากจะเชื่อ

พอดีกับที่แสงจันทร์สาดส่องลงมา ทำให้เจียงรั่วซินเห็นใบ หน้าจริงๆของชายตรงหน้า ใบหน้าที่ใสสะอาดเรียบเนียน มี ความหล่อเหลาไม่น้อย ดวงตาสีดำขลับ เป็นสีที่มีเสน่ห์ไม่น้อย มี ความแข็งแกร่งของผู้ชายและยังผสมไปด้วยความอ่อนโยนของ ผู้หญิง สองอย่างนี้รวมอยู่บนตัวเขาไม่ถือว่ามากไปเลย เพียงชั่ว นอึ้งไปทันที

“ข้าว่านะเจ้าอย่าเอาของพวกนี้ไปเลย”

“เดี๋ยวก่อน…………..อะไรนะ” เจียง วซินไม่ทันตั้งตัว หยกขา ตัวเองแรงๆหนึ่งที่ ความงามบังตา ความงามบังตาจริงๆเลย

“ยังต้องให้ข้าพูดอีกทีเหรอ?”

เจียงรั่วซินไม่เข้าใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่คนทางเดียวกันก็ เป็นพวกเดียวกันไม่ได้ ขอคุณชายหลีกทางด้วย

“ถ้าข้าไม่ถอยล่ะ”
“ไม่ถอยงั้นเหรอ?” เลี้ยงรั่วซินแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ต่อมาก็เอา ของโยนไปให้เขา ต่อมาชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแหลม “จับโจร จับโจรเร็ว!”

มองดูหญิงตรงหน้า กระตุกคิ้วขึ้น น่าสนใจจริงๆ

ทหารตำหนักอ๋องหยู่ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งเข้ามา ในขณะนั้นเอง ตำหนักอ๋องหยูก็สว่างด้วยแสงเทียน

“กระหม่อมมาช้า ขอพระชายาอภัย”

“ไม่เป็นไร รีบจับโจรเลย อย่าให้เขาหนีไปล่ะ” เจียงรั่วซิน ชายข้างๆ

“โจร? พระชายา……….. ทหารมองด้วยสีหน้ายากที่จะเชื่อ “กระหม่อมขอคารวะท่านอ๋อง” คนสิบกว่าคนคุกเข่าลงพร้อม

กัน

เจียงรั่วซินมองผู้ชายตรงหน้าตาโต: “อะไรนะ?”

เจียงรั่วซินแสดงออกว่าเสียใจ ตัวเองอยากหนีก็ถูกเจ้าของจับ ได้เสียก่อน มองดูชายหนุ่มตรงหน้าที่หน้าตาบึ้งตึง เจียงรั่วซินรู้ สึกเสียใจ ตัวเองเอาของของเขาไปขายแล้วไม่น้อยจริง วันก่อน พ่อบ้านยังบอกว่า ในห้องเก็บของมีของหายไปไม่น้อย ถูกนาง เอาออกไปขายแล้วไม่น้อย เจียงรั่วซินยังไม่ลืมสายตาแปลกๆ ของพ่อบ้านที่มองตัวเองเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ