ฉันเป็นองค์หญิงปลอม!

บทที่ 2 หนทางสู่การอภิเษก



บทที่ 2 หนทางสู่การอภิเษก

ไม่ทันไรก็มาถึงวันที่หกเดือนหกเสียแล้ว เดิมควรเป็นฤดูใบไม้ ผลิ แต่เจียงหลิงรุ่ยถูกเฉียงรั่วซินมองค้อน รู้สึกเย็นวาบหวิว เดิน เข้าไปใกล้เคียงรั่วซินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “เสด็จ น้อง อย่ามองเสด็จพี่แบบนี้สิ ดูสิเสด็จพี่มาส่งเจ้าแล้วนี่ไง เจ้าดูสิ ยังมีเสด็จพ่อด้วยนะ อืม………ยังมีอาจารย์ของเจ้าอีก

เจียงรั่วซินไม่สนใจเจียงหลิงรุ่ย และเดินไปหาอาจารย์ตัวเอง

“ซินเอ๋อ เจ้าเดินทางไปในครั้งนี้น่าจะมีอันตรายไม่น้อย เจ้า ต้องระวังตัวให้มากนะ ต้องดูแลตัวเองดีๆ

เจียงรั่วซินน้อยครั้งที่จะเห็นอาจารย์น้ำตาไหล แต่ครั้งนี้ อาจารย์กลับดวงตาแดงก่ำ เจียงรั่วซินอดทนไว้ไม่ร้องไห้ “ซินเอ อจะน้อมนําคำสอนของอาจารย์ไว้ ท่านก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะ อาจารย์ คอยระวังเจ้าคนคิดไม่ดีด้วยนะเจ้าคะ

คนไม่ดี? เจียงหลิงรุ่ยลูบจมูก แม่หญิง ตอนที่เจ้าพูดคนไม่ดี อย่ามองมาทางข้าได้ไหม ข้าก็จะเอาหน้าเหมือนกันนะ

“ซี…… ฮ่องเต้ ข้างๆกำลังจะพูดก็ได้ยินเจียงหลิงรุ่ยพูดขึ้น ว่า: “ถึงเวลาแล้ว รีบไปเถอะ” มองดูขบวนที่เดินไปไกลแล้ว ฮ่องเต้หันกลับไปมองค้อนเจียงหลิงรุ่ย จากนั้นก็ตบไหล่เจียง หยูนหราว

“นี่ ลูกศิษย์เจ้าไปแล้ว ไม่ต้องแสดงแล้วล่ะ”
เจียงหยูนหราวหันกลับไปพูดเสียงเบาอย่างระวังว่า “ไปแล้ว เหรอ?”

ที่แท้วันนี้ฮ่องเต้เจอกับเจียงหยูนหราวถึงได้รู้ว่าพวกเขา

สองคนเป็นเพื่อนซี้กันยี่สิบปีแล้ว

“หยูนหราวพูดอะไรกัน ทั้งที่รู้ว่าไปแคว้นตุงเฉินต้องมีอันตราย ไม่น้อย ทําไมต้องตกลงด้วยล่ะ

เจียงหยูนหราวครุ่นคิด และพูดว่า “อาจเป็นเพราะ ตุงเฉิน สําหรับซินเอ๋อแล้วเป็นที่ที่ปลอดภัยก็ได้

ฮ่องเต้เหมือนจะคิดอะไรได้ สายตาเปล่งประกายขึ้นมา “นัก ฆ่าคนนั้น…….

“หลั่งจี้” ฮ่องเต้ซีจีได้ยินชื่อที่คุ้นเคยนั้นก็อึ้งไปทันที หลั่ง ไม่ เคยมีคนเรียกตัวเองแบบนี้มานานมากแล้ว

เจียงหยุนหราวมองดูฮ่องเต้ ด้วยสายตาแน่วแน่ “หลั่ง ข้า

อยากให้เจ้ารับรองความปลอดภัยของนาง

ฮ่องเต้ ฉีตกใจ มองดูชายตรงหน้า แม้ชายตรงหน้าจะมีความ สามารถเพียบพร้อม แต่กลับไม่ใส่ใจในเรื่องใดๆเรื่อง ยกเว้น เรื่องนี้……..

“หลั่งจี่เข้าใจแล้ว”

ฮ่องเต้ ที่เป็นถึงเจ้าแคว้นกลับต้องวางภาพพจน์ลง ถูกคน เรียกชื่อโดยตรงเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ และยังตอบตกลงฝ่ายตรง ข้ามด้วยสีหน้าจริงจัง
และไม่นานขบวนรถม้าอภิเษกก็เดินไปไกลมากแล้ว เสียงรัว นมองไปที่สาวรับใช้ข้างๆ ความอยากรู้อยากเห็นก็เกิดขึ้นอีก

“หลันเยว่ เจ้าว่าอ๋องหมู่คนนั้นหน้าตาจะเป็นยังไงเหรอ

นางอยู่รับใช้เจียงหยูนหราวลับอยู่แล้ว ไม่ได้ไปถามเรื่องข้าง นอกอะไรมาก และในครึ่งปีนี้ นางก็เรียนมารยาทอยู่ในวังตลอด ทำให้ตัวเองคล้ายองค์หญิงมากที่สุด และโลกด้านนอก ก็บอกว่า องค์หญิงเหอออกไปล่าสัตว์ ไม่ทันระวังตกลงหุบเขา จากนั้นไม่ เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่กลับเสียความทรงจำไป

หญิงสาวตรงหน้ามีคิ้วโก่งได้รูป ดวงตาคู่นั้นเหมือนจะมอง ทะลุเข้าไปในใจคนได้ ทำเอาหลันเยวนึกถึงคำพูดนี้ “ทางเหนือมี สาวงาม เป็นอิสระและไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้

แต่ผู้หญิงแบบนี้จะต้องแต่งงานกับอ๋องหรู น่าเสียดายยิ่งนัก ไม่อยากจะโกหก หลันเยวจึงบอกทุกอย่างที่ตัวเองรู้กับเจียงรั่วซิ นทั้งหมด

“ทุกคนต่างเล่าลือกันว่าอ๋องหยู่ไม่สนใจสตรี ฆ่าคนตาไม่ กะพริบ……….

เจียงรั่วซินได้ยินแล้วก็มองตาโต ในใจก็คิดว่า ก็ว่าทำไมองค์ หญิงซีเหอที่เป็นถึงองค์หญิงถึงได้หนีไป

หลันเยวมองดูใบหน้าที่อึ้งตึงของเจียงรั่วซินก็ต้องหัวเราะออก มา ตัดสินใจพูดสิ่งดีๆ ปลอบใจนางเสียหน่อย

“ไอหยา องค์หญิงของบ่าว แต่ว่าข้ายังได้ยินว่าตุงเฉินอ๋องหมู่เป็นชายรูปงามที่สุดในสี่แคว้นเลยนะเพคะ”

“หล่อ หล่อเอามาทําอะไรได้ล่ะ สงสารข้าสาวอายุสิบเจ็ด ก็ ต้องแต่งงานกับคนเลือดเย็น เฮ้อ จริงเลย” ทันใดนั้นเจียงรั่วซิน ลุกขึ้นมา “ไม่สิ หลันเยว่ เจ้าว่าเขาอายุเท่าไหร่แล้ว หล่อก็ไม่มี ประโยชน์นี่ คงเป็นผู้ชายแก่แล้วล่ะ!”

มองดูหญิงตรงหน้าที่กระโดดลุกขึ้น ที่จริงหลันเย…..อยาก จะหัวเราะมาก……..นางคิดว่าหลังจากที่องค์หญิงเสียความทรงจำ ไปแล้วน่ารักขึ้นมากเลย

ไม่ทันไรก็ครึ่งเดือนไปแล้ว เดินทางจากแคว้นซีไปแคว้นตุง เฉินใช้เวลาครึ่งเดือน มองดูเมืองที่หรูหรา เจียงรั่วในอดไม่ได้ ต้องชม สมแล้วที่เป็นแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุดของสี่แคว้น ผู้คนต่าง บอกตุงเฉินดี เกรงว่าคงมีดีที่ผืนแผ่นดินนี้ กำลังคิดอยู่นั้นด้าน หน้าก็มีรถม้าที่ขับเคลื่อนมาอย่างรวดเร็ว ทหารข้างๆก็รีบล้อม รถม้าไว้ “ปกป้ององค์หญิง!”

รถม้าใกล้พุ่งชนเข้ามาทุกที ทันใดนั้นคนในรถม้าก็เปิดม่าน ออกดึงม้าไว้ มันยกขาหน้าขึ้นและร้องเสียงดัง

“องค์หญิง คนในแคว้นตุงเฉินไม่มีมารยาทเลยนะเพคะ” หลันเยวมองดูสถานการณ์ตรงหน้าก็อดไม่ได้พูดขึ้น

พูดจบก็ได้ยินนอกรถม้ามีเสียงน่ารักดังขึ้น “ในรถม้าเป็นองค์ หญิงเหอหรือไม่เพคะ ม้าของข้าน้อยตกใจ ขอองค์หญิงทรง อภัยด้วยเพคะ”

“หลันเยว่ เปิดม่านขึ้น” เจียงรั่วซินพูดขึ้น พึ่งมาถึงแคว้นตุงเฉินก็คนหาเรื่องเสียแล้ว

หลันเยวมองดูองค์หญิงตัวเองปาก ก็เปิดม่านขึ้นอย่างพอใจ เจียงรั่วซินถึงสาวน้อยตรงหน้าคล้ายดอกไม้ที่เบ่งบาน ในฤดูใบไม้ผลิเหลือเกิน น่ารัก เต็มไปด้วยสดใส แต่ไม่รู้ ทําไมหน้าถึงขีดเซียวผิดปกติ

ซีเหอพึ่งถึงแคว้น ไม่มารยาท ในแคว้น ขออภัยด้วยนะ

ไม่เป็นไร ไม่ไร ผู้คนต่างพูดว่าแคว้นเหนือตกไม่ใครความสวยเห็นแล้วก็เป็นดังนั้นจริงข้าฉิน นามเงินหรุง

ฉินเจินหง…….เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวของจวนเฉิงเลี้ยง ตุงเฉินนา หลันเยว่กระซิบเตือนข้างเจียงรั่วเบาพอรู้ตัว ตนคนที่มาแล้ว เจียงรั่วซินแสยะยิ้มขึ้น เรื่องวันคงไม่ใช่เหตุ บังเอิญหรอกนะ

ที่แท้เป็นลูกสาวของสมุหนายกฉันเอง คุณหนูชมเกินไป

“เฮ้อ ข้าพูดความจริงนะเพคะ นี้บังเอิญจริงกับพี่จะแต่งงานกันแล้ว คงต้องเรียกท่านสะใภ้แล้วล่ะ

พี่หญ่ เจียงรั่วซินเลิกคิ้วขึ้น แท้ก็มาเพราะอ๋องหยู่เองเหรอ

“ซีเหอ วันข้ายังธุระอื่น คงต้องขออภัยวันอื่น มองดูรถม้าของม้า พอเข้ามาเห็นหลันเยว่เบะปากไม่พอใจ
“องค์หญิง ท่านดูสิแคว้นตุงเฉินป่าเถื่อนมากกว่าพวกเรา แคว้นเสียอีก”

“มีคำพูดหนึ่งที่เรียกว่า ทหารมาข้าน้ำไหลยังมีดิน” มองดูท่าทีที่กังวลใจของหลันเยว่ เจียงรั่วซินก็ทำท่าไม่สนใจ รถม้าเดินอยู่บนถนนได้สักพักก็เห็นตำหนัก หน้าประตูมีคนยืน อยู่ท่าทางคล้ายขันที พอเห็นรถม้าก็รีบเดินไปข้างหน้า

“นี่คงจะเป็นองค์หญิงเหอสินะ ข้าน้อยเป็นวันที่ข้างกายของ ฝ่าบาท หวางกงกง ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้าน้อยมาทูลกับองค์หญิง ว่า เห็นใจที่องค์หญิงเดินทางมาแต่ไกล จึงอนุญาตให้เข้าเฝ้า พรุ่งนี้ก็ได้พะย่ะค่ะ” หวางกงกง โน้มตัวพูด

เจียงรั่วซินก็ตอบกลับว่า “กงกงไม่ต้องเคารพมากก็ได้ พรุ่งนี้ เหอจะไปเข้าเฝ้า

“ข้าน้อยขอตัว”

ตามหลักแล้วไม่ว่าใครมาก็ควรจะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ก่อน ทำไม พอถึงตัวเองแล้วไม่ต้องทำตามกฎล่ะ เจียงรั่วซันคิดในใจว่าอ๋อง หญ่คนนี้คงจะสำคัญกับฮ่องเต้น่าดู นางเริ่มสงสัยแล้วว่าว่าที่สามี ที่ฆ่าคนตาไม่กระพริบ หน้าตาจะเป็นยังไง

เจียงรั่วซินยิ้มหวาน พูดกับทหารหน้าประตูว่า: “เข้าตำหนัก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ