บทที่13 กำจัดสองผู้เชี่ยวชาญ
* ไม่หรอก…แกได้ตายคืนนี้แน่นอน! ”
เงาร่างของชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าทางเข้าโกดัง เขาเดิน เข้ามาอย่างช้าๆ พร้อมทั้งลากศพลูกน้องของหม่าจิ้ง อีก2คนเข้า มาด้วย
ซึ่ง 2คนนี้น่าจะเป็นลูกน้องของหม่าจิ้ง ที่ลอบฆ่ามือสไนเปอร์ ของหลงซูฉี
* แก…จ้าวเทียน ” หม่าจิ้งพูดขึ้นด้วยความตกใจ
” หึม…จำฉันได้ทันทีแบบนี้ แสดงว่าไม่ผิดคนสินะ ” จ้าวเทียน พูดขึ้นอย่างเย็นชา
หลงซูฉีกับตำรวจที่เหลือมองจ้าวเทียนด้วยความสงสัย ชาย คนนี้เป็นใครและเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร แถมยังจัดการลูกน้องของ หม่าจึงได้แบบสบายๆอีก
” นี่…นายโทรเรียกตำรวจแล้วใช่ไหม พวกเขามาถึงแล้วใช่ ไหม ” หลงซูฉีถามขึ้นอย่างมีความหวัง ชายคนนี้ไม่มีทางกล้า เดินเข้ามาที่นี่คนเดียวแน่
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซูฉีถาม หมาจิ้งก็หน้าเปลี่ยนสีทันที หากมี ตำรวจเข้ามาเพิ่มพวกเขาต้องแย่แน่
ฉันมาคนเดียว…ไม่ได้บอกใคร ” จ้าวเทียนพูดความจริงออกไป ล้อเล่นหรือเปล่า ถ้าแจ้งตำรวจแล้วเขาจะจัดการหมาจิ้ง ได้อย่างไร
“นี่มัน…พวกเราจบสิ้นแล้ว ” หลงซูพูดขึ้นอย่างหมดหวัง เธอมองจ้าวเทียนเหมือนมองคนบ้า
สายตาแบบนี้อีกแล้ว มันเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุด
จ้าวเทียนพยายามไม่สนใจหลงซูฉี เขาโยนศพที่ลากเข้ามาลง ตรงหน้าของหม่าจิ้ง
“ เมื่อวานแกส่งคนไปฆ่าฉันกับน้องสาวใช่ไหม ” เขาถามขึ้น ทุกอย่างมันบังเอิญจนเกินไป หากไม่ใช่เพราะตัวเขาได้ย้อนกลับ มา แสดงว่าเขากับน้องสาวจะต้องโดนฆ่าตายในวันเดียวกัน
ตัวเขากับจางถงแม้จะเกลียดหน้ากัน แต่มันก็ไม่ถึงกับต้องฆ่า แกงกัน แสดงว่ามันต้องมีคนอื่นวางแผนอยู่เบื้องหลัง
ฮา ฮา ฮา
ฉันละยอมแกจริงๆ อุตส่าห์รอดไปได้ ก็ยังจะรนหาที่ตาย อีก ” หมาจิ้งหัวเราะขึ้นเสียงดัง เขาไม่ได้กลัวจ้าวเทียนเลย ต่อ ให้มันเก็บลูกน้องเขาที่นอกโกดังได้แล้วยังไง
ข้างตัวเขามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ทั้งสองคน วันนี้ยังไงมันก็ต้องตาย
“ผู้อาวุโสทั้งสอง…ชายคนนี้เป็นคนที่เจ้านายต้องการให้ตาย ขอให้ท่านทั้งสองช่วยจัดการให้ด้วย ” หม่าจิ้งพูดขึ้นอย่างมี ความสุข
หลังจากที่ฆ่ามันแล้วก็ค่อยไปฆ่าน้องมันต่อ ตัวเขาก็ถือว่าทำ ภารกิจสําเร็จ เหลือแค่โยกย้ายกิจการให้เรียบร้อย ก็กลับไป ปักกิ่งได้
“หืม…เจ้าเองเหรอจ้าวเทียน ” ชายชราที่ยืนอยู่ด้านซ้ายถาม ขึ้น
” ใช่แล้ว…ฉันนี่แหละจ้าวเทียน พวกท่านเป็นใครกัน ” จ้าว
เทียนพยามหลอกถามข้อมูล
” พี่เจ็ดไม่ต้องเสียเวลาคุยกับมัน…เดี๋ยวฉันจัดการเองเรายังมี งานที่ต้องทำต่อ ” ชายชราที่อยู่ด้านขวาพูดขัดขืน เขาไม่อยาก เสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก
ฟุบ!
เขาก้าวไปด้านหน้าเพียงก้าวเดียว ก็หายตัวไปโผล่ที่ด้าน หลังของจ้าวเทียนทันที
“ช่างน่าเสียดาย…ต้นกล้าที่ดีของตระกูลจ้าวแท้ๆ ” ผู้อาวุโส เจ็ด พูดขึ้นด้วยความเสียดาย เขาหันหน้าไปทางอื่น เพราะไม่ อยากเห็นรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถของตระกูลตนเองถูกฆ่าตาย
ตูม!
จบแล้วสินะ…น้องแปดเอาศพเขากลับไปด้วย อย่างน้อยเขา ก็มีสายเลือดตระกูลจ้าว ” ผู้อาวุโสเจ็ดหันกลับไปออกคำสั่ง
“ นี่มัน…เป็นไปไม่ได้ ” เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ตอนนี้ผู้อาวุโสแปดถูกจ้าวเทียนจับหัวกดจมลึกไปในหลุมบนพื้น จากรอยแตกและเศษปูนที่กระจายเป็นชิ้นเล็กๆ บ่งบอกถึงความ รุนแรงของการกระแทกได้เป็นอย่างดี
หม…ยังไม่ตายงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนผิดคาดเล็กน้อย อย่าง คิดไว้พวกผู้เชี่ยวชาญที่ฆ่าไม่ได้ง่ายๆเลย แต่ก็ไม่เป็นไรเขาแค่ ต้องออกแรงมากขึ้น
ตูมๆๆๆ
จ้าวเทียนกระหน่ำชกไปที่หัวของผู้อาวุโสแปดไม่ยั้ง จนพื้นดิน สั่นสะเทือน
“ ไอสารเลว…หยุดเดี๋ยวนี้ ” ผู้อาวุโสเจ็ดปามีดสั้นใส่ข้าว เทียน แล้วพุ่งเข้าโจมตีทันที
“ปล่อยข้านะโว้ย…ไอเด็กชั่ว ” ผู้อาวุโสแปดที่ตั้งตัวได้ ตอบโต้สุดแรงทันที เขาชกหมัดทั้งสองไปที่มือของจ้าวเทียนที่ กําลังกดหัวเขาอยู่
การโจมตีทั้งสามทางแทบจะเกิดขึ้นพร้อมกัน
แกรก พัก!
มีดสั้นที่พุ่งมาถึงก่อนกระเด็นตกลงบนพื้น มันไม่อาจสร้าง บาดแผลให้จ้าวเทียนเลยซักนิด
เขาดึงมือที่จับหัวของผู้อาวุโสแปดกลับมาด้วยความรวดเร็ว แล้วชกสวนเข้าไปที่หมัดของผู้อาวุโสเจ็ดอย่างรุนแรง
จนหมัดของอีกฝ่ายถูกขยี้กระดูกหักแทงทะลุเนื้อออกมา เลือด สาดกระจายไปทั่ว
ทำให้ตัวของผู้อาวุโสเจ็ดล้มลงกระแทกพื้น เขากุมมือที่ถูก บดขยี้ไว้ด้วยความเจ็บปวด
” เป็นไปไม่ได้…ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง” ผู้อาวุโสเจ็ดพูดขึ้นด้วย เสียงสั่นเทา ตัวเขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางกลับแพ้การปะ ทะตรงๆ แสดงว่าอีกฝ่ายต้องเหนือกว่าตน ขั้น
ที่จริงแล้วจ้าวเทียนก็อยู่ในระดับกลางเช่นกัน แต่เพราะวิชาที่ เขาฝึกนั้นเป็นวิชาชั้นยอดในแดนสวรรค์ มันเหนือกว่าวิชาใน โลกมากอยู่แล้ว ทำให้ผู้อาวุโสเจ็ดเข้าใจผิด
” อ้ากกก ” เสียงร้องก่อนตายของผู้อาวุโสแปดดังขึ้น เขาโดน จ้าวเทียนกระทืบใส่ลำตัว จนอวัยวะภายในถูกทำลายทั้งหมด
ปังๆๆๆ ปป!
“ บ้าจริง…ฉันประมาทไป ” เขาลืมคิดถึงพวกหมาจิ้งไป เลย หลบกระสุนไม่ทัน จนถูกยิงไปสองนัด แต่เพราะมีพลังปราณ ป้องกันอยู่ กระสุนเลยไม่ทะลุเข้าไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ
– จัดการพวกแกก่อนละกัน! ” จ้าวเทียนตะโกนขึ้นด้วยความ โกรธ
เหมือนพยัคฆ์ในฝูงแกะ
เพียงไม่ถึง1นาที…
ตอนนี้คนที่ยังมีชีวิตรอด เหลือเพียงผู้อาวุโสเจ็ดที่บาดเจ็บ สาหัส กับหมาจิ้งที่นอนร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น เขาโดน จ้าวเทียนหักขาทั้งสองข้าง
พวกหลงซูมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า นี่เขายังเป็นคนอยู่ใช่ไหม…
“เอาละ…ทีนี้ตอบคำถามฉันได้หรือยัง แกเป็นใคร… ” จ้าว เทียนถามกับผู้อาวุโสเจ็ดอีกครั้ง
“นี่…แกคือจ้าวเทียนจริงๆเหรอ ” ตอนนี้ผู้อาวุโสเจ็ดหวาด กลัวจนแทบจะสลบอยู่แล้ว คนตรงหน้าเขาใช่จ้าวเทียนที่ทั้ง อ่อนแอและขี้ขลาดจริงๆเหรอ
ถ้าเขารอดกลับไปได้ อย่างแรกที่จะทำคือ ทําลายหน่วยเก็บ ข้อมูลทิ้งให้หมด
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมพูดเขาก็ส่ายหน้าเล็กน้อย
“แกไม่พูดก็ไม่เป็นไร…งั้นตายซะ” เขาฟาดฝ่ามือใส่อีกฝ่าย
เต็มแรง
พลั้ก!
ผู้อาวุโสเจ็ดใช้แขนอีกข้างยกขึ้นมากันฝ่ามือจ้าวเทียนเอาไว้ แล้วใช้แรงปะทะผลักตัวเองไปด้านหลังอย่างแรง
เขารีบหันตัวพุ่งหลบหนีทันที ต่อให้เสียแขนไปทั้งสองข้าง แต่ ขอแค่รักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็พอแล้ว
* คิดหนีเหรอ !” จ้าวเทียนคว้าไปตรงมีดสั้นที่ตกอยู่ เขาใช้ ลมปราณควบคุมมืดสั้นพุ่งเข้าใส่กลางหลัง ผู้อาวุโสเจ็ดอย่าง แรงจนมันทะลุออกไปอีกด้าน ทำให้อีกฝ่ายล้มลงไปทันที
#1 โชคดีที่ตาแก่นั่นบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อน ไม่งั้นแค่มีดสั้นคงไม่ อาจหยุดมันได้” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความเหนื่อยล้า
ที่เห็นเขาชนะได้ง่ายๆ แท้จริงแล้วกลับเสียลมปราณไป มากมาย เพราะคู่ต่อสู้เป็นผู้เชี่ยวชาญถึงสองคน เขาจึงต้อง ระเบิดพลังจัดการอีกคนก่อน
โชคดีที่ผู้อาวุโสแปดนั้นประมาท จนพลาดท่าตั้งแต่เริ่ม ทำให้ เขากุมความได้เปรียบไว้ทั้งหมด
แต่ตอนที่เขาใช้ลมปราณควบคุมมีดสั้นนั้น มันได้ใช้ลมปราณ ของเขาไปจนเกือบหมดในทันที
การจะใช้ลมปราณควบคุมสิ่งของได้นั้น หากเป็นคนอื่นคง
ต้องอยู่ในขั้นปรมาจารย์ขึ้นไปแล้วถึงจะทำได้
” เอาล่ะ…แกมีข้อมูลอะไรมาซื้อชีวิตตัวเองได้บ้าง ” จ้าวเทียน เดินมาหยุดลงตรงหน้าหมาจิ้ง
ซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี เพราะความกลัวตาย
ที่จริงแล้วพ่อของจ้าวเทียนนั้นเป็นคนตระกูลจ้าวแห่งเมือง หลวงปักกิ่ง ซึ่งเป็น1ใน4ตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจที่สุดในประเทศ จีน แต่เพราะทําผิดกฎของตระกูลเลยโดนขับไล่ออกมา
ผ่านไปไม่นาน หลังจากที่พ่อเขาออกมาจากตระกูล ท่านลุงใหญ่ก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล และด้วยความสัมพันธ์อันดีของ พ่อกับลุงใหญ่
ทำให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้อย่างสงบสุขมาเกือบ ยี่สิบปี
จนไม่นานมานี้ ลุงใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในอาการ โคม่าไม่รู้สึกตัว
ทำให้อาของเขา ที่ต้องการจะขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลแทน เลย คิดกำจัดทายาทที่มีสิทธิ์ทุกคน
ประจวบเหมาะกับที่ลุงซุยได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงฉวยโอกาส จัดการกับครอบครัวของเขาโดยทำให้เหมือนเป็นอุบัติเหตุ ไม่ ให้สืบสาวมาถึงตัวได้
“ ทางเราขอรับตัวหม่าจิ้งไปได้ไหม” หลงซูฉีกัดฟัดพูดขึ้น
เธอรอจนจ้าวเทียนเสร็จธุระแล้วถึงได้กล้าพูดออกมา หมาจิ้ง นั้นเป็นพยานปากสำคัญ ที่จะกระชากตัวพวกคนชั่วที่อยู่เบื้อง หลังออกมาได้อีกมาก
จ้าวเทียนมองไปที่หลงซูฉีเล็กน้อย ในความคิดของเขานั้น ต้องการที่จะฆ่าหมาจิ้งทิ้ง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้คนคิดร้ายกับ ครอบครัวเขามีชีวิตอยู่เด็ดขาด
แต่การสร้างความสัมพันธ์ กับทางตำรวจก็มีแต่ผลดีไม่มีผล เสีย
พลั่ก!
“ตกลง…พวกคุณเอาตัวมันไปเถอะ” จ้าวเทียนยอมยกให้แต่ โดยดี เมื่อครูเขาได้ทําให้หม่าจึงต้องนอนอยู่บนเตียงไปตลอด ชีวิตแล้ว
เป็นพยานขอแค่พูดได้ก็พอแล้ว…
เอ่อ….ขอบคุณค่ะท่าน ” หลงซู พูดไม่ออกเล็กน้อย การแตะ ของจ้าวเทียนเมื่อกี้ ได้ทำลายกระดูกเอวของหม่าจึงไปจนหมด สิ้น
เรียกผมว่าจ้าวเทียนเถอะ….เหตุการณ์ในคืนนี้อย่าให้ คนนอกรู้ได้ไหม ให้บอกว่าเป็นฝีมือของพวกคุณไปก็แล้วกัน ผม ไม่ต้องการเจอเรื่องยุ่งยาก
คือ…ฉันขอเบอร์ติดต่อคุณได้ไหม ” หลงซูฉีกลั้นใจถามขึ้น สายตาของเธอที่มองจ้าวเทียนนั้นเปล่งประกาย
ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเจอใครแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน แถม
อีกฝ่ายยังดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าเธอเสียด้วย
“ ได้สิ…” จ้าวเทียนอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดูแล้วเธอ น่าจะเป็นผู้มีตำแหน่งสูง ในกรมตำรวจ เขาควรจะมีเบอร์ติดต่อ เอาไว้
หลังจากที่จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็เตรียมตัว จะกลับบ้าน แต่เพียงแค่เดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว อาการหน้ามืด เกิดขึ้นทันที
แค่กๆ!
คือ…ช่วยไปส่งผมกลับบ้านหน่อยได้ไหม “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ