บทที่ 14 เรื่องบังเอิญหรือโชคชะตา
เวลาหกโมงเช้า เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นสู่ขอบฟ้า
จ้าวเทียนกำลังผ่อนลมหายใจลงช้าๆ …
พลังงานความร้อนกับสิ่งสกปรก ถูกขับออกมาผ่านทางรูขุม ขนตรงผิวหนัง
ตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแล้ว
เพื่อที่จะไปสู่ขั้นต่อไป ก็คงต้องหาทรัพยากรฝึกฝนเพิ่มเติมอีก ครั้ง ซึ่งมันคงต้องใช้เงินเยอะกว่าตอนเปิดจุดลมปราณแน่นอน
ฉันคิดว่า…ยาเม็ดหยวนต้นที่ฉันทำคงจะขายได้ราคาดีอยู่
นะ” ” ไว้พรุ่งนี้หลังจากรักษาปลี่เรียบร้อยแล้ว…ค่อยหาโอกาสพูด
คุยเรื่องนี้กับทางตระกูลลี่ดู”
กระบวนการหลอมเม็ดยาหยวนต้นของเขานั้น ต้องใช้การ ควบคุมที่แม่นยำมาก
สําหรับคนอื่นต่อให้รู้ส่วนผสม ก็ใช่ว่าจะทำแบบเขาได้ ส่วน หนึ่งคงเป็นเพราะเคล็ดวิชาปราณหมื่นตะวันด้วย
ผู้ฝึกเคล็ดวิชานี้จะมีพลังปราณหยางบริสุทธิ์ มันจะช่วยกำจัด สิ่งสกปรกตกค้างในขั้นตอนการหลอมทั้งหมด ทำให้เม็ดยาที่ ออกมามีประสิทธิภาพเหนือกว่าปกติ
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็รอทานอาหารเช้าพร้อม กับน้องสาว
วันนี้เขาต้องไปดูน้องสาวทําการแสดงในงานดนตรีของ
โรงเรียน ระหว่างที่กำลังรอน้องสาวตื่น เขาก็ได้หยิบบัตรทอง ของผู้เฒ่าตระกูลหวังออกมาดู
ฉันคิดว่า…หมาจิ้งอาจจะเป็นไส้ศึกที่ตระกูลจ้าวส่งมาแฝงตัว
อยู่ในตระกูลหวัง ”
” หรืออีกความเป็นไปได้ก็คือ…ทั้งสองตระกูลนั้นร่วมมือกันอยู่ เรื่องนี้คงต้องลองตรวจสอบดูอีกครั้ง ”
แปดโมงเช้าหน้าโรงเรียนมัธยมมหยาง
จ้าวหยูเหมยกำลังเดินกอดแขนพี่ชายของเธออย่างมีความสุข เป็นเวลานานหลายเดือนแล้วที่พี่ชายไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ
ตั้งแต่ที่พ่อและแม่เสียไป เธอก็แทบจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัว
คนเดียวมาตลอด ตอนนั้นเธอรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวมาก แต่ตอนนี้มันได้
เปลี่ยนไปแล้ว พี่ชายสัญญาว่าจะปกป้องดูแลเธอ
เธอเชื่อว่าพวกเราจะต้องกลับไปเป็นครอบครัวที่มีความสุข
เหมือนดังเดิม
” จำไว้ถ้ามีคนมารังแก น้องต้องบอกพี่นะ ” จ้าวเทียนพูดขึ้น
ด้วยสีหน้าจริงจัง
* มีพี่อยู่ ใครจะกล้ามารังแกหนูได้ละคะ ” เธอยิ้มหวานตอบ พี่ชายด้วยน้ำเสียงเอาใจ
” อย่าลืมที่พี่บอกก็แล้วกัน ” จ้าวเทียนอมยิ้มเล็กน้อย เขาใช้
มือลูบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู ” แต่พี่คะ…วันไหนที่พี่ไม่อยู่บ้าน หนูเหงามากเลย ” เธอพูด
ด้วยสีหน้าเศร้าเล็กน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาว แววตาของจ้าวเทียนก็เปลี่ยนไป ทันที
ใช่แล้วตอนนี้ครอบครัวเราเหลือเพียงแค่สองคน…
ในอนาคตเวลาที่เขาต้องออกไปทำธุระข้างนอก น้องสาวเขาก็ ต้องอยู่คนเดียว….
เสี่ยวเหมย…พี่ ” จ้าวเทียนไม่รู้จะพูดอะไรออกไป
แววตาเขาเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิด
” เพราะฉะนั้นพี่ต้องรีบหาพี่สะใภ้มาอยู่ด้วยกันได้แล้ว…หนูจะ ได้ไม่เหงาไง อิอิ ” เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าทะเล้น แล้วมอง ชายด้วยความขบขัน
ที่จริงแล้วเธอไม่อยากให้พี่ชายต้องจมอยู่กับเรื่องราวความรัก ในอดีต เธออยากให้พี่ชายมีชีวิตใหม่ที่มีความสุข
ล้อพี่เหรอ….ยัยตัวแสบ ” จ้าวเทียนยิ้มขึ้นด้วยความอบอุ่น น สินะคือความรู้สึกของครอบครัวที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานเกือบแสนปี
ทั้งคู่เดินเข้าประตูโรงเรียน มองไปเห็นสนามฟุตบอลขนาด ใหญ่ที่มีคนยืนอยู่มากมายเพราะวันนี้มีงานนิทรรศการดนตรี บุคคลภายนอกจึงมาเข้าร่วมชมงานได้
พี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิคะ…เธอต้องสวยมากแน่เลย ” จ้าวหยูเหม ยชี้ให้พี่ชายเธอมองตรงไปยังผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอสวมหมวกปีกกว้างใส่แว่นกันแดดสีดำ อยู่ในชุดกระโปรง ยาวสีขาว
แม้จะมองเห็นใบหน้าเธอไม่ชัด แต่ก็มั่นใจได้เลยว่าเธอต้อง งดงามมากอย่างแน่นอน ตัวเธอเหมือนมีออร่าบางอย่างเปล่ง ประกายออกมา
ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้
* ทำไมฉันรู้สึก เหมือนเคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน ” จ้าวเทียน พิมพ์ออกมาเบาๆ ตัวเขาตอนนี้มีความทรงจำแบบผ่านตาครั้ง เดียวไม่ลืมเลือน
ไม่ได้มีแต่พวกจ้าวเทียนที่ให้ความสนใจผู้หญิงคนนั้น แต่ยังมี นักเรียนและผู้ปกครองอีกหลายคน ที่หยุดยืนแอบมองเธออยู่ ไกลๆ
“ เป็นบรรยากาศที่น่าคิดถึงจริงๆ ” เธอพูดขึ้นเบาๆ ด้วย ความคิดถึง
ที่จริงแล้ว หญิงสาวที่พวกจ้าวเทียนกำลังมองอยู่ ก็คือนักร้องหญิงซุปเปอร์สตาร์ ลี่เหยาเหยา
ซึ่งเธอเองก็เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนมัธยมมู่หยางแห่งนี้ เมื่อมีโอกาสหยุดงานกลับมาที่เมืองเกิด เธอจึงออกมาผ่อน คลายความเครียดด้วยการรำลึกถึงความทรงจำในอดีต สมัยที่ เธอยังเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง
ตั้งแต่ที่เธอโด่งดังมีชื่อเสียงที่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องสูญเสียไป นั่นคือ อิสระ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็มีแต่คนคอยจับตามอง แม้แต่เวลาที่ จะใช้ชีวิตกับครอบครัวยังแทบไม่มี
เธอชอบความรู้สึกตอนนี้ที่ได้เป็นคนธรรมดา ยืนรับแสงแดด อ่อนๆและสายลมที่เย็นสบาย จนรู้สึกได้ถึงความเป็นอิสระ
“โฮ่งๆๆ! ”
สุนัขขนาดใหญ่ตัวเท่าเสือ 2 ตัววิ่งหลุดออกมา พวกมันแสดง
ท่าทางดุร้ายขู่คํารามจนเธอตกใจ
ผู้คนที่อยู่รอบๆวิ่งหนีหายไปทันทีด้วยความหวาดกลัว
“ แฮ่ๆ! ”
เหมือนมีอะไรบางอย่างจากตัวเหยาเหยา ที่ดึงดูดความ สนใจพวกมัน
หลังจากส่งเสียงขู่คำรามใส่ พวกมันก็ล้อมตัว เหยาเหยาไว้ ” ช่วยด้วยค่ะ…ช่วยฉันด้วย” เธอร้องเรียกให้คนช่วย
แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกมาช่วย เพราะสุนัขทั้งสองตัวนี้เหมือนผ่านการฝึกสอนมา มันทั้งดุร้ายและไม่กลัวคนแม้แต่น้อย
” โอ้ย..” ด้วยความหวาดกลัวทำให้เธอไม่ทันระวัง สะดุดเข้า กับก้อนหินแล้วล้มลงไปที่พื้น สุนัขพวกนั้นได้โอกาสกระโดดเข้า ขาเธอทันที
ขณะที่คมเขี้ยวแหลมคมน่ากลัวขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ
หรือเธอจะต้องโดนพวกมันทำร้ายจริงๆงั้นเหรอ…
วันนี้เธอเพียงแค่อยากออกมาใช้ชีวิตแบบคนปกติบ้างเท่านั้น
เอง…
” โฮก !!
เปรี้ยงๆ
เก๋งๆๆ หงิงงง
ชายคนหนึ่งได้พุ่งเข้ามายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ
เขาได้ปกป้องเธอจากสุนัขพวกนั้น เพียงชกออกไปสองหมัด เบาๆพวกมันก็กระเด็นออกไปทันที
ตอนนี้พวกมันได้แต่นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ บนพื้น ไม่กล้าแสดงท่าที่ดุร้ายแบบก่อนหน้านี้อีก
” คุณไม่เป็นอะไรนะ ” ชายหนุ่มคนที่ได้ช่วยเธอไว้ได้ถามขึ้น ด้วยความเป็นห่วง เขายื่นมือมาให้เธอจับไว้
มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า เหมือนมีความรู้สึกบางอย่าง กระตุกขึ้นในใจ
เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามาก แม้จะไม่เท่ากับพวกดาราชายที่ เธอเคยร่วมงานด้วย แต่เขามีเสน่ห์บางอย่างในตัวที่ทำให้เธอ รู้สึกหวั่นไหว
“ขอบคุณค่ะ…ฉันไม่เป็นไร ” เธอจับมือเขาไว้ แล้วพยุงตัวขึ้น มา ใบหน้าเธอแดงเล็กน้อยด้วยความอาย
นี่ตัวเราเป็นอะไรไปเนี่ย…
ปกติก็เคยร่วมงานกับดาราชายหลายครั้ง แต่ทำไมตอนนี้ถึง รู้สึกเขินขึ้นมา…
” โอ้ย!” เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ข้อเท้าของเธอน่า จะได้รับบาดเจ็บตอนที่ล้มลง เมื่อลุกขึ้นยืนถึงรู้สึกตัว
เมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเธอ จ้าวเทียนก้มมองไปยังข้อเท้า ของเธอที่บวมขึ้นมา
ให้ผมช่วยไหมครับ…ผมพอมีความรู้เรื่องแพทย์แผนจีน ” จ้าวเทียนถามขึ้น อาการบาดเจ็บแค่นี้ แค่เขาใช้ปราณช่วยนิด หน่อยก็หายแล้ว
” ขอบคุณค่ะ ” เธอพูดออกมาเบาๆ ก้มหน้าลงด้วยความเขิน
อาย
โดยปกติแล้วที่ประเทศจีนนั้น เท้าของผู้หญิงจะไม่ให้ใคร สัมผัสได้ง่ายๆ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายอนุญาต จ้าวเทียนก็นั่งลง จับข้อเท้าของเธอขึ้น มาแล้วใช้ถ่ายเทลมปราณเข้าไปรักษา
นี่มัน..
ตอนนี้เขาตกใจมาก หลังจากปราณของเขาสัมผัสได้ถึงอะไร บางอย่าง ในร่างของหญิงสาวตรงหน้า
“นี่มันคือเมล็ดพันธุ์แห่งทวยเทพ เป็นไปไม่ได้ สิ่งนี้มาอยู่บน โลกมนุษย์ได้อย่างไร
สิ่งที่ลมปราณเขาตรวจพบนั้น คือเมล็ดพันธุ์ที่เกิดจากการสูญ สลายของเทพยุคโบราณ โดยจะทิ้งจุดกำเนิดพลังเอาไว้
ผ่านเวลานานหลายแสนปีก็ค่อยๆตกผลึกเป็นเมล็ดพันธุ์
บนแดนสวรรค์นั้นมันเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เพราะหากผู้ใดได้ดูด ซึมเข้าไป จะสามารถสืบทอดพลังของเทพโบราณ ที่เป็นต้น กำเนิดของเมล็ดพันธุ์ได้ทันที
ในขณะที่จ้าวเทียนกำลังใช้ลมปราณถ่ายเทเข้าไปสำรวจ ร่างกายของเธอนั้น ลี่เหยาเหยาตอนนี้ก็เกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้น
พลังงานอันอบอุ่นจากมือของจ้าวเทียน ได้ไหลเวียนไปทั่ว ร่างกายของเธอ ทำให้รู้สึกสบายไปทั้งตัว ความเหนื่อยล้าที่ สะสมมาสลายหายไปหมด
รูป!
โดยที่ลี่เหยาเหยาไม่ทันรู้ตัวเมล็ดพันธุ์แห่งทวยเทพ ที่ฝังอยู่ ในตำแหน่งหัวใจของเธอก็เหมือนตื่นขึ้น มันดูดซับเอาลมปราณของจ้าวเทียนเข้าไปอย่างหิวกระหาย
เคล็ดวิชาหมิ่นตะวันที่จ้าวเทียนฝึกฝนนั้น ก็เป็นเคล็ดวิชาที่มา จากยุคเทพโบราณเช่นกัน มันจึงเป็นประโยชน์กับเมล็ดพันธุ์แห่ง ทวยเทพ ในร่างของเหยาเหยามาก
จ้าวเทียนเองก็รู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของเมล็ดพันธุ์ เขาจึงถ่ายเท พลังปราณเข้าไปมากขึ้น เพราะจากที่เขารู้สึก เมล็ดพันธุ์อันนี้มัน
เกือบจะสูญสลายไปแล้ว หากยังไม่ได้รับการฟื้นฟู
ผ่านไป5นาที
ตอนนี้เมล็ดพันธุ์ได้หลับใหลลงอีกครั้ง เพื่อเริ่มฟื้นฟูตนเอง หลังจากที่ได้รับปราณจากข้าวเทียนจนเพียงพอ
มองดูสิ่งพี่ชายของเธอกำลังทำ
จ้าวหยูเหมยก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก เธอเห็นพี่สาวคนนั้น เหมือนพยายามจะพูดอะไรบางอย่างเช่นกัน แต่เธอก็ไม่กล้า จึง ได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขินอายอยู่อย่างนั้น
พี่คะ หนูผิดเองที่บอกว่าให้พี่รีบหาพี่สะใภ้ แต่พี่ก็อย่าลงทุนขนาดนี้ได้ไหม… ตอนนี้รอบๆตัวพวกเขามีคนยืนมุงดูอยู่มากมาย บางคนยัง หยิบเอาโทรศัพท์มาถ่ายภาพด้วยซ้ำ
คุณพี่ชายคะ…เดี๋ยวหนูจะไปขึ้นแสดงสายเอานะ “
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ