จักรพรรดิเซียนตกสวรรค์

บทที่ 6 โจวเถียนเรียน



บทที่ 6 โจวเถียนเรียน

หลิวถลึงตาใส่จินหยวนเป่าอย่างอ่อนใจ “ปกติบอกให้ลูกตั้งใจ เรียนให้ดีๆ ลูกก็ไม่ยอมฟัง หนังสือน่ะอ่านให้มันมากๆ หน่อย?”

จินหยวนเปากลอกตา “แม่ไม่บอกผมไปหาในอินเทอร์เน็ตเอา

ก็ได้”

“นรกไม่ว่างเปล่า ปฏิญาณว่าจะไม่เป็นพระพุทธเจ้า พระกษิติ ครรภ์มหาโพธิสัตว์ อาศัยอยู่ในนรก! ” หลิวเอยอย่างตั้งใจ

“แล้วนั่นเกี่ยวอะไรกับมหาโหด?” จินหยวนเป่ายังคงงงงวย

“เด็กโง่ พวกเราเป็นมนุษย์ ใครกันจะมาวางพระมหาโพธิสัตว์ จากนรกเอาไว้บูชา สรุปแล้วยังไงก็ไม่ดี ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความ แค้นของนักวิชาการคนนั้นอีก

จินหยวนเป่าพยักหน้า “ผมเข้าใจขึ้นบ้างแล้ว

จินซื่อทรงเอ่ย “พ่อบ้าน ช่วยจัดเก็บรูปปั้นพระกษิติครรภ์มหา โพธิสัตว์ขึ้นมาแล้วส่งไปที่บ้านหมอเทพ

“ใช่สีหมอเทพ ผมลืมสอบถามชื่อของคุณไปเสียได้? ได้โปรด แจ้งให้ทราบ! ”

โจวซิงเหอเองก็มองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน “ผมซื่อหลินซางฉอง” หลินหยุนกล่าวเบา ๆ ชาติก่อนตอนที่หลินหยุนจิตใจแตกสลาย เขาถูกอาจารย์พาไปจากโลก และเปลี่ยนชื่อเป็นหลินชางฉ่อง ต่อมาเขาได้รับการ ยกย่อจากสรรพโลก ให้เป็นมหากษัตริย์ซางฉอง

จินซื่อทรงหยิบบัตรทองม่วงออกมาจากอกของตน และใช้สอง มือยื่นให้แก่หลินหยุนด้วยความเคารพ “หมอเทพหลิน บัตรใบนี้ มีเงินอยู่ห้าล้าน เป็นค่าตอบแทนที่ผมให้กับคุณ หวังว่าหมอเทพ หลินจะไม่ปฏิเสธ!”

“พ่อ ในนั้น…” จู่ๆ จินหยวนเป่าก็ตะโกนขึ้นด้วยความ ตระหนก แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ถูกจีนซือทรงหยุดไว้ก่อน

“หุบปาก! ”

หลิวลี่ที่กำลังจะเอ่ยปาก เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของจิน ชื่อหรง เธอก็ต้องกลืนคำพูดลงไปอีกครั้ง

หลินหยุนไม่เข้าใจว่าทำไมหลิวลี่สองแม่ลูกถึงได้ตกใจมาก

เมื่อเห็นบัตรใบนี้ ก็แค่ห้าล้านไม่ใช่หรือไง? หลินหยุน ใส่ลงใน

กระเป๋าเหมือนกับเก็บขยะไม่ปาน

จินซื่อหรงเห็นหลินหยุนรับบัตรทองม่วงอย่างขอไปที เขาก็อด ไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน “หมอเทพหลิน บัตรใบนั้นผมมีเพียงสามใบ ใบแรกให้แก่นายกเทศมนตรีเมืองหลินโจว ใบที่สองให้แก่เจียง สง และใบที่สามให้กับคุณ! ”

“หวังว่าคุณจะปฏิบัติอย่างถูกต้องและรอบคอบ!”

“รู้แล้ว” หลินหยุนตอบเรียบๆ แต่เดิมไม่ได้ใส่ใจคำพูดของจิน ซื่อหรงสักนิด
“หมอเทพหลิน แล้วบ้านหลังนี้ผมยังจะอยู่ตอนไปได้ไหม?”

จิน อหรงไม่สบายใจอยู่บ้าง

“อยู่ได้” หลินหยุนตอบอย่างสบาย ๆ

“อย่างนั้นก็ดี” จินซื่อทรงรู้สึกโล่งใจ แต่เขาก็แอบตัดสินใจไว้ เงียบๆ แล้วว่าจะขายบ้านหลังนี้ทันที

“ฉันจะกลับแล้ว!” หลินหยุนกล่าว

“ผมจะให้รถไปส่งคุณ!” จินซื่อทรงกล่าว

“อืม” หลินหยุนพยักหน้า ท่าทางเป็นธรรมชาติ

ในใจของจินซื่อหรงยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นว่า หลินหยุนจะต้องเป็น ผู้สูงส่งตัวจริงแน่ ผู้สูงส่งมักมีความผิดปกติร่วมกันอย่างหนึ่งก็ คือ พวกเขามั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง

จินซื่อหรงแอบตัดสินใจอยู่ลับๆ ต่อไปเขาจะต้องปฏิบัติต่อ

หลินหยุนด้วยความเคารพมากขึ้น

หลินหยุนกลับไปที่คลินิกตระกูลเซีย

นอกจากเซี่ยหยู่เวยแล้ว โจวเป็นก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีเด็กสาวอายุ 17 ปี ในชุดกระโปรงสีแดง แม้ว่า เธอจะไม่ได้ดูเป็นผู้ใหญ่และสวยเท่าเซี่ยหยูเวยแต่เธอก็ถือเป็น คนสวยคนหนึ่งเช่นกัน

เด็กสาวคนนี้มีชื่อว่า โจวเถียนเรียน เป็นลูกของลุงของเซี่ยหยู่ เวย อายุน้อยกว่าเซี่ยหยูเวยไม่กี่ปี เธอเป็นผู้ที่ชื่นชอบการขี่ม้า
ในชาติก่อน นอกจากโจวเฟินแล้ว ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ เซี่ยหยูเวย ทุกคนต่างก็ดูถูกหลินหยุนทั้งสิ้น

เด็กกำพร้าที่ถูกรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลเซีย ต่อ มาแต่งเข้าเป็นลูกเขย ในสายตาของญาติพี่น้องตระกูลเซียย่อม มีฐานะที่ต่ำลงไปยิ่งกว่าเดิม

ประกอบกับบุคลิกโดดเดี่ยวไม่แสดงออกมาตั้งแต่เด็กของเขา

ทำให้ไม่มีผู้ใหญ่หรือเพื่อนรุ่นเดียวกันคนไหนชมชอบ

ดังนั้นในใจของหลินหยุน ยกเว้นโจวเป็นแล้ว เขาไม่มีความ รู้สึกที่ดีต่อญาติพี่น้องเพื่อนฝูงคนไหนของตระกูลเซีย

“โอ๊ะ พี่เขยกลับมาแล้ว!” รอยยิ้มของโจวเถียนเทียนหวาน กว่าชื่อของเธอ เพียงแต่สายตาที่มองไปที่หลินหยุนนั้นกลับมี ท่าทีหยิ่งผยองอยู่บ้าง

“อืม” หลินหยุนตอบเรียบๆ จากนั้นจึงหันไปยิ้มทักทายกับโจว

เฟิน “น้าเฟิน!”

โจวเฟินมองเขาด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู และพูดด้วยรอยยิ้ม ว่า “เด็กคนนี้นี่ บอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนคำพูด อีก”

หลินหยุนยิ้มเก้อเขิน ชาติก่อนยังดี แต่ชาตินี้เขารู้แล้วว่าเซี่ยห ยูเวยทำอะไรไว้บ้าง ในใจของหลินหยุนไม่ถือว่าเธอเป็นภรรยา ของเขาไปแล้ว ดังนั้นย่อมไม่เปลี่ยนไปเรียก โจวเฟินว่าแม่

โจวเฟินเก็บรอยยิ้มและพูดขึ้น “เสี่ยวหยุน นี่ก็หกโมงเย็นแล้วพี่เขยของลูกเชิญไปร้านไห่หลาน พวกเราไปกันหมด ถึงเวลานั้น อย่าลืมเตรียมตัวสักหน่อย! ”

หลินหยุนพยักหน้า และกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ครับ! ” เขาจำได้ว่างานเลี้ยงนี้ดูเหมือนจะเป็นน้องชายของน้าโจวเป็น ชื่อโจวจึงได้เลื่อนตำแหน่ง จากนั้นก็ไปที่ร้านไห่หลานเพื่อเชิญ ญาติและเพื่อนฝูง ๆ มาเลี้ยงทานอาหารค่ำ

โจวจึงเป็นคนขี้เห่อและเอาแต่ใจ ชาติก่อนเขาดูถูกหลินหยุน หากไม่ใช่เพราะได้โจวเป็นปกป้องเอาไว้ โจวจิ้งก็ไม่แม้แต่จะ เห็นหลินหยุนอยู่ในสายตา

หลินหยุนจำได้ว่า ในงานเลี้ยงนี้ โจวจิ้งหาโอกาสมาทำให้เขา อับอายอย่างรุนแรง ให้เขาต้องเสียหน้าต่อหน้าญาติพี่น้องและ เพื่อนฝูง

อย่างไรก็ตามโจวจิ้งกลับลืมตัวไปและคล้ายว่าจะไปทำให้ ใครขุ่นเคืองเข้าให้ จนท้ายที่สุดจากความสุขก็กลายเป็นความ ทุกข์ถนัดไปเสียแทน

จากนั้น โจวจิ้งก็เอาเรื่องนี้มากล่าวโทษหลินหยุน บอกว่าหลิน หยุนเป็นดาวอับโชค

โจวเฟินโกรธจนทะเลาะกับเขาใหญ่โต และถึงกับต้องเข้ารับ การรักษาในโรงพยาบาล

“ดูเหมือนว่าวิธีชะตากรรมของจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก

งานเลี้ยงนี้ยังคงมาถึงเช่นเดิม”
“แต่คราวนี้ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้น้าเป็นจะต้องมาล้มป่วย ปกป้องฉันอีก”

หลินหยุนวางกล่องไม้ที่บรรจุรูปปั้นของพระกษิติครรภ์มหา โพธิสัตว์เอาไว้ที่มุมกำแพง มหาโหดเองก็ถือเป็นพลังรูปแบบ หนึ่ง เขาสามารถเปลี่ยนมหาโหด ให้กลายเป็นพลังทิพย์ได้

เพียงแต่นั่นต้องรอให้หลินหยุนเข้าสู่ช่วงระยะปฐมภูมิเสียก่อน

โจวเถียนเถียนจับแขนของเซี่ยหยูเวยเอาไว้และพูดอย่างออก อ้อน “พี่สาว ได้ยินว่าที่หลินโจวมีสนามม้าเปิดใหม่ พี่ไปเที่ยว เล่นกับฉันสักหน่อยสิ! ”

“ฉันขี่ม้าไม่เป็น เธอไปหาคนอื่นแทนเถอะ!” เซี่ยหยูเวยปฏิเสธ ด้วยรอยยิ้ม

“พี่ไปเป็นเพื่อนฉันก็พอ ฉันไปคนเดียวเกิดเจอคนไม่ดีขึ้นมาจะ

ทํายังไง?” โจวเรียนเรียนยังคงอ้อนต่อ

โจวเฟินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เวยเวย กว่าน้องจะมาได้ไม่ใช่ เรื่องง่าย ลูกไปเป็นเพื่อนเธอหน่อยเถอะ

“อ้อใช่ หลินหยุนเองก็ไปด้วยสิ อย่าลืมดูแลเวยเวยและ เกียนเทียนล่ะ”

“คุณป้า ไม่ต้องหรอก หนูไปกับพี่ก็พอแล้ว” ” โจวเถียนเถีย นมองไปที่หลินหยุนด้วยสายตารังเกียจอยู่บ้าง

เซี่ยหยูเวยเองก็ดูเย็นชาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบให้หลิน หยุนตามมา
โจวเฟินมีสีหน้าเข้มงวดขึ้นมา และเอ่ย “ไม่ได้ พวกเธอสองคน เป็นผู้หญิง ต้องมีผู้ชายไปด้วยฉันถึงวางใจ

“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ! ” โจวเถียนเรียนยอมประนีประนอม และ ถลึงตาใส่หลินหยุนทันที

หลินหยุนเองก็ไม่ได้อยากจะไปกับพวกเธอเช่นกัน เพียงแต่ใน เมื่อโจวเฟินเอ่ยร้องขอ เขาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

โจวเป็นเห็นว่าหลินหยุนไม่ปฏิเสธ เธอก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวหยุน ลูกก็ไปเที่ยวเล่นกับพวกเธอเถอะ อย่าลืมดูแลความ ปลอดภัยของพวกเธอด้วย!”

“ครับ” หลินหยุนได้แต่พยักหน้า

ทั้งสามคนออกจากคลินิกไป โจวเถียนเถียนและเซี่ยหยูเวย เดินอยู่ข้างหน้า ในขณะที่หลินหยุนเดินเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ ด้านหลัง

“พี่สาว พี่ไม่ได้เคยบอกว่าเกลียดพี่เขยหรอกหรือ? คุณป้าให้ เขาตามพวกเรามาแบบนี้ พี่ทำไมไม่ปฏิเสธสักคำ? วเถียนเถียนท้วงเสียงต่ำ ” โจ

เซี่ยหยูเวยเอยอย่างไม่สบอารมณ์ “นิสัยของแม่เธอเองก็รู้ดี ไม่ให้เขาตามมาด้วย ก็เท่ากับเธอไม่อยากออกมาเที่ยวเล่น แล้ว!”

“ช่างเถอะช่างเถอะ ฉันจะถือเสียว่าเขาเป็นอากาศก็แล้วกัน! ” น้ำเสียงของโจวเถียนเถียนเต็มไปด้วยความประชด
การฟังของหลินหยุนดีกว่าคนอื่นมาก แม้พวกเธอจะคิดว่าตน ระมัดระวังในการสนทนาแล้ว แต่หลินหยุนก็ยังไม่พลาดไป แม้แต่ค่าเดียว

ถ้าไม่ใช่เพราะโจวเป็นกำชับมา หลินหยุนก็คงจะหันกลับและ จากไปทันที

สามคนนั่งแท็กซี่ไปที่สนามม้าชื่อว่าคลับเทียนฉี หลินหยุนเดิม

ตามหญิงสาวทั้งสองเข้าไป

ดูเหมือนว่าหญิงสาวทั้งสองจงใจสลัดหลินหยุนออก ก็เลย ตั้งใจเดินเร็วอย่างยิ่ง

นี่คือสิ่งที่หลินหยุนต้องการเช่นกัน หลินหยุนเองก็จงใจเดิน ตามพวกเธอไปห่างๆ ติ

สนามแข่งม้ามีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีห้ารันเวย์ โจวเถียนเถียนพา

เซี่ยหยูเวยไปที่รันเวย์ด้านหนึ่ง ส่วนหลินหยุนนั่งลงที่จุดพักของ

รันเวย์ใกล้ ๆ

“โอ้ นี่ใช่ไอ้แมงดาหยุนหรอกหรือ? ทำไมวันนี้ถึงได้โผล่หน้า มาที่นี่คนเดียวได้? ไม่กลัวเมียเรียกกลับบ้านแล้วปล่อยให้ คุกเข่าลงสำนึกผิดหรือไง!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ