จักรพรรดิเซียนตกสวรรค์

บทที่ 12 เลขาหยาง



บทที่ 12 เลขาหยาง

โจวจิ้งที่กำลังภูมิใจกับการเลื่อนตำแหน่งงานที่ประสบความ สำเร็จของตัวเขา ภายใต้การยกยอของเพื่อนและญาติอยู่นั้น ตัว เขาก็พองขยายถึงขีดสุดไปนานแล้ว

เขาไม่ได้รู้สึกว่าเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่าย บุคคล แต่เป็นได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปอยู่ต่ำกว่าคนเพียงหนึ่ง อยู่สูงกว่าคนนับหมื่นต่างหาก จะเป็นใครก็ต้องให้เกียรติเขาทั้ง นั้น

อีกอย่างคือพวกเขาจึงมานั่งได้ไม่นาน มีเหตุผลอะไรที่จะต้อง เปลี่ยนห้องพิเศษนี้ด้วย?

“เธอหมายความว่าไง? พวกเรามากันก่อน มีเหตุผลอะไรที่เรา

ต้องย้ายห้องด้วย?” โจวจิ้งถามอย่างโมโห

“ใช่ มีเหตุผลอะไรที่พวกเราต้องย้ายห้อง!” เพื่อนของโจวจิ้ง ตบโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นยืน

พนักงานวิงวอนอย่างน่าสงสารว่า “คุณชายคะ ทั้งหมดเป็น ความผิดของฉันเอง ฉันเพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน ก็เลยไม่ค่อย เข้าใจขั้นตอนการจองห้อง ห้องนี้ถูกคนอื่นจองล่วงหน้าไปแล้ว ค่ะ แต่ฉันกลับไม่ทราบจริงๆ ได้โปรดช่วยฉันด้วยนะคะ!”

“อย่ามาแกล้งทำตัวน่าสงสารที่นี่ รีบไสหัวออกไปซะ อย่ามา ขัดขวางการทานอาหารของเรานะ!” โจวจิ้งปัดมืออย่างไม่สบอารมณ์

“ท่านคะ คนที่จองห้องนี้เป็นคนใหญ่คนโต พวกเราทำให้เขา

เคืองใจไม่ได้จริงๆค่ะ! ท่านได้โปรดช่วยฉันเถอะนะคะ” พนักงาน

ร้อนใจจนแทบจะร้องไห้ โจวจิ้งหัวเราะอย่างเย็นชา “ความหมายของเธอคือ พวกเรา เป็นคนต่ำต้อยงั้นสินะ?”

“ไม่นะคะ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พวกเขาเป็นคน ของบริษัท รงกรุ๊ป พวกเราไม่กล้าทำให้เขาไม่พอใจค่ะ!” พนักงานร้อนใจจนร้องไห้ออกมาในที่สุด

ได้ยินคำว่าบริษัททรงกรุ๊ป โจวจิ้งก็ตาลุกวาวขึ้นทันที เขาพูด พร้อมหัวเราะว่า “ที่เธอบอกว่าคนจองห้องเป็นคนของบริษัทโรง กรุ๊ปน่ะ เขาเป็นคนของแผนกไหน?”

พนักงานหญิงไม่เข้าใจความหมายของโจวจิ้ง จึงตอบตาม ความเป็นจริงไปว่า “เป็นผู้จัดการฝ่ายธุรกิจค่ะ วันนี้พวกเขาเชิญ ลูกค้ามาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการห้องใหญ่อย่างห้องหลง เพิ่งนี้ค่ะ”

“ไม่อย่างนั้นฉันต้องไม่กล้ามารบกวนพวกคุณชายแน่นอน ค่ะ!”

ที่แท้ก็คนของแผนกธุรกิจ แต่ว่าแผนกบุคคลของเราไม่ได้อยู่ ในการควบคุมของแผนกธุรกิจ อีกอย่างพวกเขายังต้องขอร้อง แผนกบุคคลของเราด้วยซ้ำ
โจวจึงไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพวกเขา

“เธอไปบอกพวกนั้นซะ บอกไปว่าผู้จัดการฝ่ายบุคคลของ

บริษัทโรงกรุ๊ปกำลังทานอาหารกับเพื่อนคนสำคัญอยู่ ให้พวก

เขาไปเปลี่ยนห้อง พนักงานหญิงคนนั้นตื่นตะลึง “คุณก็เป็นคนของบริษัทโรง

กรุ๊ป!”

“อืม” โจวจิ้งพยักหน้า

“ได้ค่ะ ฉันจะไปบอกกับผู้จัดการ พนักงานคิดในใจว่า ใน เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคนของบริษัทชิรงกรุ๊ป ถ้าอย่างนั้นก็ให้ พวกเขาไปสู้กันเอาเอง

โจวจิ้งยกแก้วเหล้าขึ้น แล้วพูดกับทุกคนว่า “มา อย่าให้เรื่อง เล็กพวกนี้มาทำให้เราหมดสนุกกัน มาดื่มแก้วนี้กันเถอะ!”

ทุกคนยกแก้วเหล้าขึ้น ก่อนจะเริ่มพูดจาประจบโจวจิ้งอีกครั้ง โจวจิ้งฟังจนเขาเริ่มไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร

หลินหยุนหรี่ตาลงมองทุกสิ่งเบื้องหน้า ถ้าเป็นไปตามวิถีแห่ง โชคชะตาชาติที่แล้วล่ะก็ เร็วๆนี้โจวจิ้งจะต้องไปเตะโดนแผ่น เหล็ก จนตกงานแน่

คนลืมกําพรืดแบบเขา ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆสินะ!

ไม่นาน ชายสองคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว มีอายุราวๆสามสิบ เดินเข้ามาในห้อง
“ผมขอดูหน่อยว่าเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลคนไหนของบริษัท รงกรุ๊ปกัน?”

เมื่อโจวจึงเห็นผู้มาเยือนก็จำได้ทันที เขาคนนี้คือผู้จัดการ แผนกธุรกิจของบริษัทชิรงกรุ๊ป หลีจุน

“ที่แท้ก็เป็นผู้จัดการหลี่ นั่งลงดื่มกันสักแก้วก่อนสิครับ!” โจว จิ้งลุกขึ้นพูดพร้อมรอยยิ้ม

หลีจุนมองโจวจิ้งด้วยอาการหน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม พร้อมกับแววตา ดูถูก “ผมก็ว่าอยู่ว่าผู้จัดการคนไหนกันถึงไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้ ที่แท้ก็ผู้จัดการโจวที่ยังไม่เข้ารับตำแหน่งนี่เองนะ”

“ผู้จัดการโจว วันนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ พวกเรานัดกับลูกค้า ที่สำคัญมากเอาไว้นะ รบกวนผู้จัดการโจวผ่อนผันสักหน่อย ไม่ อย่างนั้นผู้จัดการโจวจะเสียใจทีหลังเอานะ

เมื่อเห็นหลจนดูถูกตัวเอง แล้วยังพูดจาข่มขู่เขาเป็นนัยๆ

ความภาคภูมิใจในตนเองของโจวจิ้งก็ได้รับบาดอย่างหนัก

หลีจุนเป็นคนของแผนกธุรกิจ ไม่มีสิทธิ์มาสั่งตัวเขา อีกอย่าง ตัวเขาก็มาถึงห้องหลงเฟิงก่อน ปกติก็ต้องถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อนสิ

ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์หรือเหตุผล หลี่จุนไม่มีสิทธิ์อะไรมาบังคับ ผมทั้งนั้น!

ถ้าเขาต้องการจะมาแบบไร้เหตุผลจริงๆล่ะก็ ก็แค่ต้องสู้กันจน ตายไปข้างหนึ่ง ถึงยังไงแผนกธุรกิจของเขาก็ไม่เกี่ยวข้องกับ แผนกบุคคลของผม ยังไงซะหลีจุนก็ทำอะไรผมไม่ได้
หลังจากคิดชั่งน้ำหนัก โจวจิ้งก็ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ต้อง ขออภัยนะครับ ผมก็กำลังทานอาหารกับเพื่อนที่สำคัญมากอยู่ เหมือนกัน รบกวนผู้จัดการหลี่เปลี่ยนห้องไปเถอะ!

หลีจุนสีหน้าแปลกประหลาด รอยยิ้มของเขามืดมน “ผู้จัดการ โจวไม่ให้เกียรติกันถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ?”

โจวจิ้งเกลียดคำว่าผู้จัดการโจวที่ยังไม่เข้ารับตำแหน่งนั่นของ หลี่จุนมาก เขายิ้มเยาะแล้วพูดว่า “เกียรติก็ต้องมีให้กันอยู่แล้ว แต่ผู้จัดการหลี่มีคุณสมบัติไม่พอหรอก!”

“อ่อ ผู้จัดการหลี่มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ ถ้าอย่างนั้นผมมีพอ ไหมครับ?”

หลังจากเสียงนั้น ก็มีชายหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา บน ใบหน้าของเขายังปรากฏรอยยิ้มเหยาะเย้ยอยู่เล็กน้อยด้วย

สีหน้าของโจวจึงเปลี่ยนไปในพริบตา เขาตกใจจนขาทั้งสอง

ข้างสั่น “ล…เลขาหยาง ท่านมาได้ยังไงครับ!

ชายหนุ่มผู้นี้คือหยางกุ้ย เลขาที่อยู่ข้างกายจีนชื่อหรง ถึงแม้จะ เป็นแค่เลขา แต่กลับเป็นคนที่จินซื่อหรงสนิทสนมใกล้ชิดที่สุด การจะอยู่หรือไปของผู้จัดการตัวเล็กๆอย่างโจวจิ้ง ก็แค่คำพูด ประโยคเดียวของเขาเท่านั้น

เพียงแค่ตั้งข้อหาว่าโจวจึงไม่ให้ความร่วมมือกับบริษัทในการ รับลูกค้า ก็สามารถเขียโจวจึงออกไปได้ในทันที

หยางรุ่ยไม่มองหน้าโจวจิ้งด้วยซ้ำ เขาทำแค่กวาดตามองโจวจิ้งแวบหนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมรู้จักพนักงาน ระดับบริหารส่วนใหญ่ของบริษัท แต่ทำไมถึงไม่รู้จักคุณเลยล่ะ ครับ?”

คำพูดนี้ช่างทําร้ายกันเสียจริง

แต่ยังไงโจวจิ้งก็ยังต้องยอมก้มหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่กำลังจะขึ้นรับตำแหน่งชื่อโจวจิ้ง ครับ เลขาหยางงานยุ่งมากที่บริษัท ต้องไม่ได้สังเกตคนต่ำต้อย แบบผมอยู่แล้วครับ”

“อ่อ ตอนนี้ผู้จัดการโจวเป็นคนต่ำต้อยแล้วเหรอ? เมื่อกี้ยัง เก่งกาจมากอยู่เลยนะครับ!” หลี่จุนยืนใส่ไฟอยู่ข้างๆ

โจวจึงด่าบรรพบุรุษของไอ้คนบัดซบหลีจุนครบทั้งสิบแปดรุ่น ไปหนึ่งรอบ ถ้าพูดซะแต่แรกว่าเลขาหยางมาด้วยล่ะก็ ผมก็ยอม สละห้องให้ไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง?

หยางรุ่ยมองโจวจิ้ง แล้วถามเขาด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “บริษัท ต้องการรับแขกคนพิเศษของเราที่นี่ ผู้จัดการโจวยอมสละหน่อย ได้ไหมครับ?”

โจวจิ้งจะไม่ยอมได้ยังไง? ถ้าหากทำให้เลขาหยางไม่พอใจ เข้าล่ะก็ เกรงว่าแม้แต่งานเขาก็คงรักษาไว้ไม่ได้

ถ้าสูญเสียงานของบริษัทชิรงกรุ๊ปไป โจวจิ้งก็ไม่กล้าคิด เหมือนกันว่าต่อไปเขาจะใช้ชีวิตยังไง

“ครับ ผมจะสละห้องให้ทันทีเลยครับ!” ตอนนี้โจวจึงดูเหมือนสุนัขพันธุ์ปักที่กำลังกระดิกหางวิงวอนอยู่ ไม่หลงเหลือคราบ แข็งแกร่งที่แม้แต่รองผู้มีอำนาจสูงสุดบนสวรรค์มาเองก็ยังไม่ กลัวคนเมื่อกี้เลย

โจวจิ้งหันหลังกลับมามองทุกคน แล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็นคน ยโสโอหังอย่างยิ่งคนนั้นในพริบตา “ทุกคนครับ คำพูดของเลขา หยางเมื่อกี้ทุกคนก็ได้ยินกันแล้ว ในเมื่อบริษัทจะใช้ห้องนี้ ต้อนรับแขกคนพิเศษ ผมในฐานะพนักงานคนหนึ่งของบริษัท ก็ ต้องให้ความสำคัญกับบริษัทเป็นอันดับแรกแน่นอน”

“ดังนั้น…เรามาเปลี่ยนห้องกันเถอะ!

“นั่นก็ต้องแน่อยู่แล้ว บริษัทมาก่อนเป็นอันดับแรก!” เพื่อนของ โจวจิ้งคนหนึ่งพูดพร้อมกับมองเลขาหยางด้วยสีหน้าประจบ เอาใจ

“น้องโจวคิดพิจารณาเพื่อบริษัททั้งใจ บริษัทไหนมีพนักงาน แบบคุณน่ะ ช่างเป็นโชคดีของบริษัทนั้นจริงๆ” เพื่อนของโจวจิ้ง คนนั้นยังประจบสอพลอ โจวจึงไม่เลิก

แม้ว่าญาติคนอื่นๆจะไม่เต็มใจมากนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่ จะทำให้โจวจิ้งเคืองใจ นับประสาอะไรกับเลขาหยาง พวกเขาน่ะ ยังต้องการทํางานที่บริษัท/รงกรุ๊ปกันอยู่

แต่ว่าคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมาอย่างโจวเฟินกลับทนดูต่อไป

ไม่ไหว

“ถึงน้องชายของฉันจะเป็นพนักงานในบริษัทคุณ แต่เขาก็เชิญ เพื่อนกับญาติมาทานอาหารค่ำในเวลาหลังเลิกงานนะคะ ฉันขอถามว่ามันผิดกฎข้อไหนของบริษัทคุณเหรอ? คุณมีเหตุผลอะไร มาไล่พวกเราออกไป!” โจวเฟินด้วยน้ำเสียงอย่างเย็นชา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ