จอมใจท่านแม่ทัพ

บทที่ 4 ร่างใหม่ที่ต่างไปจากเดิม [4]



บทที่ 4 ร่างใหม่ที่ต่างไปจากเดิม [4]

คิดแล้วก็น่าโมโหนัก เขาแค้นใจอยากลากคอไอ้คนที่ ทำร้ายเจ้าของร่างนี้ออกมาลงโทษจริงๆ อยากจะกระทืบ มันให้จมดิน ด่ากราดให้สะเทือนไปถึงจิตใต้สํานึกเลว ทรามของมัน อยากรู้นักว่ามีความสุขมากไหมที่รังแกคนที่ อ่อนแอกว่าได้

แค่ฝูกว่างเยว่เกิดมามีสภาพแบบนี้มันก็แย่มากพออยู่ แล้ว ยังต้องมาถูกพวกไม่รู้จักดีชั่วซ้ำเติมเล่นงานอีก อย่า ให้พ่อเจอตัวแล้วกัน ไม่ค่อยให้ฟันหักร่วงหมดปากซ้อม ให้ซี่โครงหักก็อย่ามาเรียกเขาคนนี้อีกเลย!

“ระยำเอ๊ย! พวกมันไม่มีจิตใต้สำนึกของความเป็นคน อยู่เลยหรือไง ตัวเองเป็นทหารแท้ๆ แทนที่จะปกป้องชาว บ้านกลับมาทำเรื่องชั่วช้าเสียเอง อีกอย่างฝูกว่างเยว่

ดีร้ายยังไงก็เป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพ ไม่ให้ความเคารพ ยำเกรงก็แล้วไปเถอะ แต่ก็ไม่เห็นต้องทำร้ายกันถึงตาย อย่างนี้เลย”

เพียงเพราะเห็นว่าไม่คู่ควรกับคนคนนั้นอย่างนั้นเหรอ…

มือเรียวกำหมัดแน่นไม่สนใจความเจ็บที่เกิดจากเล็บจิก ฝังลงบนเนื้อ สำหรับเขาแค่นี้ยังเทียบเท่ากับเด็กคนนั้นไม่ได้หรอก ตายไปทั้งแบบนี้คงจะทรมานน่าดู

จู่ๆ น้ำตาใสก็เอ่อคลอเบ้ายิ่งทอประกายงดงามหยาด เยิ้ม ดวงหน้าสุกปลั่งแดงระเรื่อยิ่งเพิ่มเสน่ห์เย้ายวนใจ อย่างที่ผู้เป็นเจ้าของยังไม่รู้สึกตัว

“ข้าจะคืนความเป็นธรรมให้เจ้าเอง ในเมื่อข้าเข้ามา อาศัยอยู่ในร่างเจ้าก็จะช่วยปกป้องศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่ของ เจ้าไว้ จะไม่ยอมให้ใครมากระทำย่ำยีร่างกายนี้เด็ดขาด เจ้าเองก็ไปให้สบายเถอะ อย่าได้ห่วงเรื่องทางนี้เลย ข้า รับปากว่าจะลากตัวคนที่ทําร้ายเจ้ามาลงโทษให้ได้ แล้วนี่ มันกี่โมงเยามแล้ววะ อากาศนี่ก็เย็นจัดจนจะแข็งตายได้ อยู่แล้ว โอ๊ย! หนาวชะมัด!”

คนพวกนั้นไม่มีความดีหลงเหลือในหัวใจแล้วหรือไง ใจคอจะปล่อยให้เด็กนี่แข็งตายไปทั้งอย่างนี้จริงๆ น่ะเห

รอ?!

“ใจนําชะมัดเลยว่ะ ไอ้พวกเฮงซวยไร้หัวใจเอ๊ย!” เด็ก หนุ่มโวยวายเสียงดังอย่างหัวเสีย รู้ดีว่าเสียงของเขาไม่ อาจดังไปถึงใจคนพวกนั้นได้ก็ยังไม่อยากยอมแพ้อยู่ดี แล้วผลที่ได้กลับมาก็ยังเป็นเหมือนเดิม

เวลานี้นอกจากพึ่งพาตัวเองแล้วยังจะขอความช่วยเหลือ จากใครได้อีก
นี่ถ้าเขาตายไปจริงๆ ก็คงสมใจคนพวกนั้นเลย ท่า อุตส่าห์รอคอยวันที่จะได้เห็นเขามาถึงจุดจบอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็ตายได้สักที

คิดแล้วก็ได้แต่กัดฟันข่มกลั้นโทสะที่ปะทุเดือดในอก ตัดสินใจงัดร่างอัน

ไร้เรี่ยวแรงเดินฝ่าลมหนาวมุดหัวออกไปสำรวจนอก กระโจม แต่เพียงไม่ทันไรก็ต้องรีบมุดหัวกลับเข้ามา สภาพอากาศร้ายแรงอย่างนี้ขืนทะเล่อทะล่าออกไปมีหวัง ได้แข็งตายกันพอดี

นี่แค่ความซวยระดับต้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าเขายังต้อง เจอศึกหนักอีกหลายต่อหลายครั้ง ตาขวามันกระตุกถี่ยิบ คล้ายกับจะบอกว่าต่อจากนี้ยังมีเรื่องให้ต้องเจ็บแค้นใจ อีก ท่าทางจะสาหัสสากรรจ์เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

เด็กหนุ่มคิดด้วยสมองหนักอึ้ง เส้นประสาทเต้นตุบๆ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือหาอะไรมาคลายหนาวก่อนที่เขาจะ แข็งตายไปทั้งอย่างนี้ ก่อนหน้านั้นเพิ่งตกลงไปแช่ในน้ำ เย็นเป็นเวลานานทำให้ไอเย็นแทรกซึมเข้าไปในร่างมาก หากยังไม่รีบทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น เกรงว่าทั้งเขาทั้งร่าง นี้คงทนไม่ไหวแน่

เมื่อตัดสินใจว่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิต เขาก็ไม่รีรอที่จะรีบลงมือจัดการทำสิ่งนั้นทันที

เด็กหนุ่มคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะ ก่อนจะก้าวลงจาก เตียงไม้เล็กแคบ

เย็นเฉียบนี่เดินไปยังมุมหนึ่งของกระโจม ขุดคุ้ยเอา เสื้อผ้าที่พอจะมีความหนาอยู่บ้างออกมาสวมทับลงบน ร่างสักสองสามตัวพอให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น หยิบเอาเชือก หลายเส้นที่ใช้รัดผมมาถือไว้ในมือ พอร่างกายปรับสภาพ ได้แล้วจึงค่อยเดินฝ่าลมหนาวออกไปยังชายป่าด้านหลัง

พื้นใต้ฝ่าเท้าเขาถูกทับถมด้วยหิมะหลายชั้นจนเป็นสี ขาวโพลน ทอแสงระยิบระยับราวกับผลึกใสแวววาวยาม ต้องแสงจันทร์สีเงินยวง ท้องฟ้าดำมืดราวกับถูกสาดด้วย น้ำหมึก เสียงลมหวีดหวิวกรีดแหลมน่าสะพรึงกลัว คล้าย กับเสียงภูตผีปีศาจกำลังขู่ขวัญข่มให้คนที่ออกมาเดินเล่น ยามค่าคืนตกใจกลัวเล่น หวาดผวาจนต้องรีบตะบึงหนี กลับเข้าที่พักแทบไม่ทัน

คนอื่นอาจกลัวต่อเสียงร้องนั้นแต่เขาที่เคยเป็นผีมา แล้วมีหรือจะกลัว เขาอดทนต่อความหนาวเหน็บเดินลึก เข้าไปถึงด้านใน ชายป่าแถบนี้เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ รกชัฏ ทั้งตนและใบถูกปลุกคลุมด้วยหิมะจนกลายเป็นสี ขาวเกือบทั้งต้น ส่วนต้นหญ้าเล็กๆ ก็พากันเหี่ยวเฉาตาย เพราะทนต่อสภาพอากาศเลวร้ายไม่ไหว
เขายื่นมือสั่นๆ ไปคว้ากิ่งไม้กึ่งหนึ่งไว้ แค่ลองกระตุกดู เบาๆ มันก็ร่วงหลุดจากขั้วตกลงมาบนพื้น เขาทำแบบเดิม ซ้ำๆ อีกหลายครั้งจนได้กิ่งไม้มากองใหญ่

“โชคดีที่ยังมีใบหลงเหลืออยู่บ้าง ค่อยยังชั่วหน่อย เฮ้อ…หนาวเป็นบ้าเลย ให้ตายสิ ถ้าเมืองไทยหนาวจัด อย่างนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันแฮะ แข็งตายก่อนแน่ๆ”

เด็กหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสายตาเศร้า สร้อย ก่อนจะถอนหายใจพลางคลี่ยิ้มอ่อนจาง เขาสะบัด หัวไปมาขับไล่ความรู้สึกอ้างว้างออกไป มือเรียวรวบจับ กิ่งไม้มารวมกันแล้วใช้เชือกมัดไว้ จากนั้นก็ลากกลับไป ยังที่พักด้วยร่างกายที่อ่อนล้าเต็มทน

ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาถึงกระโจมได้ ยอมรับว่าทุก อย่างมันยากขึ้นเมื่อเขาต้องมาอยู่ในร่างนี้ ถ้าเป็นฝูกว่าง เยว่คนก่อนคงทำอะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก แต่ไม่ใช่กับเขา ที่ต้องสู้ฟัดกับคนอื่นมาตลอด ถึงจะจำไม่ได้ว่าเคยทำ อะไรมาบ้างแต่มันคือความรู้สึกคุ้นเคย เหมือนกับเขามี เรื่องให้ต้องเจ็บตัวเป็นประจำ

ใบหน้าของเขาด้านชาไปหมด สองมือนุ่มนิ่มเต็มไปด้วย รอยบาดและรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้ ทำเอารู้สึกเจ็บนิดๆ เรียวปากอิ่มเย็นชืดเปลี่ยนเป็นขาวซีดจนใกล้เขียวคล้ำ เข้าไปทุกที
ผู่กว่างเยว่ทิ้งกิ่งไม้พวกนั้นไว้ตรงข้างเตียงทันทีที่เข้ามา ถึงด้านในกระโจม ก่อนลากสองเท้าเดินไปหยิบตะเกียง น้ำมันมานั่งลงกับพื้น สองมือหยิบกิ่งไม้ขึ้นสะบัดแรงๆ สลัดปุยหิมะที่เกาะอยู่หนึ่งชั้นจนหลุดร่วงกระจัดกระจาย หลังผ่านไปเกือบสิบนาที กิ่งก้านใบก็เผยโฉมออกมา แต่ ยังคงเปียกชื้นจุดไฟไม่ติดอยู่ดี

เขาถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ หลังจากได้ใช้แรงไปบ้าง เหงื่อก็เริ่มผุดขึ้นตามโคนผม อุณหภูมิในร่างก็เหมือนจะ สูงขึ้นเล็กน้อย นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ฝ่ามือที่

แข็งชายื่นไปเปิดตะเกียงที่มีไต้จุดไฟลุกไหม้อยู่ คว้า เอากิ่งไม้อันหนึ่งที่มีใบติดอยู่เยอะที่สุดไปอังกับไฟ หยด น้ำไหลตกลงพื้นติ่งๆ ละลายหิมะที่เคลือบชั้นสุดท้ายให้ หมดไปทีละนิด แน่นอนว่าเขาแบบเดิมกับกิ่งที่เหลืออย่าง รวดเร็ว

เมื่อก่อนเขาคิดว่าตัวเองใจร้อนไม่มีทางอดทนทำเรื่อง แบบนี้ได้แน่ จนกระทั่งเกิดเรื่องนี้ขึ้น เพื่อความอยู่รอด เขาจําต้องอดทน ความใจเย็นจะทำให้เขามีสติคิดการ รอบคอบ ทันทีที่เจอกับปัญหาหรืออุปสรรคย่อมสามารถ ผ่านพ้นไปได้ด้วยสติปัญญา ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืม เก็บซ่อนความคิดอ่านไว้เพื่อไม่ให้ใครรู้เท่าทัน

โชคดีที่ผูกว่างเยว่คนนี้มีนิสัยชอบหลบซ่อนตัวจากผู้คน ไม่อย่างนั้นเขาที่เพิ่งมาอยู่ใหม่คงไม่รู้จะรับมือกับคนพวกนี้ยังไง

เด็กหนุ่มฝืนร่างกายเป็นครั้งสุดท้ายรีบลากกิ่งไม้พวกนั้น ไปยัดไว้ใต้เตียง ดันตะเกียงน้ำมันเข้าไปด้านในสุดปิดฝา จนแน่นสนิท ลูกตาดำขาวตัดแบ่งกันชัดเจน สะท้อนเปลว ไฟลุกโชนสว่างไสวสวยงามที่สุดในค่ำคืนนี้

วันนี้เขาทําเรื่องที่ไม่คิดว่าจะทำได้มาหลายเรื่องแล้ว เขาเหนื่อยจนสองแขนสองขาล้าจนไม่มีแรงแม้แต่จะขยับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยัดร่างตัวเองเข้าไปนอนใต้เตียงได้ สําเร็จ แม้บนพื้นจะทิ้งความชื้นให้รู้สึกเย็นอยู่บ้างแต่ก็ไม่ ได้หนักหนาอะไร บนตัวเขายังมีเสื้อผ้าหนาๆ อยู่อีกหลาย ชั้น คงพอทำให้ร่างกายอบอุ่นไม่นอนแข็งตายไปทั้งที่ยัง หลับอยู่

ในเวลาต่อมา…หลังมือขาวเนียนข้างหนึ่งก็โผล่ขึ้นไป ดึงผ้าปูเตียงด้านบนลงมาปิดด้านข้างไว้ ความมืดเข้าปก คลุมเบื้องหน้า แสงไฟจากตะเกียงด้านในให้แสงสลัวไม่ดู มืดมนจนเกินไป

วิธีนี้ไม่เพียงแต่กันลมหนาวที่พัดเข้ามาเป็นระลอกได้ แต่ยังเป็นปราการคุ้มภัยป้องกันอันตรายที่อาจแฝงเร้น เข้ามาในตอนที่เขาหลับไม่รู้สึกตัว คนที่โผล่เข้ามาถ้าไม่ ฉลาดเกินไปนักก็คงคิดว่าเขาหายตัวออกไปเดินเล่นข้าง นอก
พรุ่งนี้เขายังต้องเจอเรื่องชวนปวดหัวอีกหลายเรื่อง ตอน นี้ไม่อยากคิดอะไรให้มากแล้ว สู้เก็บแรงนอนพัก พอตื่น ขึ้นมาพรุ่งนี้เช้าจะได้มีแรงไปต่อกรกับคนพวกนั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ