บทที่8
ตกเย็นเมื่อถึงเวลานัดไปเยี่ยมอนันตยศที่โรงพยาบาล ภัทรา ชวนนีราให้นั่งรถนลธวัชไปด้วยกัน ตอนแรกราบ่ายเบี่ยงเพราะ รู้สึกขัดเขินที่จะเจอหน้ารุ่นพี่ ภาพฉากรักเร่าร้อนระหว่างเพื่อน กับรุ่นพี่เมื่อช่วงสายยังติดตาหล่อนอยู่เลย
หากภัทราทั้งรบเร้าและยืนยันว่าตนไม่ได้บอกเล่าให้นลธวัช เรื่องที่นีราเห็นหล่อนกับเขาพรอดรักกันตรงบันไดหนีไฟ นีราจึง ยอมขึ้นรถมาด้วย
หญิงสาวนั่งข้างหลังจึงมีโอกาสลอบสังเกตท่าทีของรุ่นพี่กับผู้ เป็นเพื่อน ก็เห็นว่าต่างก็ยังคงเก็บท่าที กระนั้นยามเผลอนลธวัช มักชำเลืองมองภัทราอยู่บ่อยๆ
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลปรากฏว่ามารดาของอนันตยศพา ลูกชายกลับบ้านตั้งแต่บ่ายแล้ว นลธวัชจึงโทรศัพท์บอกเพื่อนคน อื่นๆ ที่นัดมาเจอกันที่โรงพยาบาล แผนเยี่ยมจึงเป็นอันดับไป
“ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว ไปกินข้าวกันก่อนดีไหม แล้วเดี๋ยวพี่พา เราสองคนไปส่ง พี่รู้จักบ้านภัทรแล้ว บ้านนี่ล่ะ…อยู่ไหน
เมื่อได้ยินคําตอบนีรา นลธวัชก็ร้องออกมา
“บ้านนี้อยู่แถวนั้นเหรอ ไม่ไกลจากบ้านไอ้ยักษ์เท่าไรเลย เอางี้ เราไปเยี่ยมไอ้ยักษ์ที่บ้านเลยแล้วกัน ค่อยหาอะไรกินแถวนั้นจะ ได้แวะส่งก่อน แล้วค่อยไปส่งภัทรทีหลัง
ท้ายประโยคนลธวัชส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้ภัทรา ขณะที่คน เป็นเพื่อนหน้าแดงจนถึงลำคอ หลบสายตาด้วยท่าทางเขินอาย
นีราทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่รู้เต็มอกว่า นลธวัชมีเหตุผลเบื้อง ลึกเบื้องหลังมากกว่าแต่ว่า…บ้านหล่อนอยู่ใกล้กว่าจึงส่งได้ก่อน สิ่งที่มีราสนใจคือเรื่องที่นลธวัชบอกเมื่อครู่…หล่อนเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ เองว่าอนันตยศอยู่ละแวกเดียวกับตนเอง และรู้สึกตื่นเต้นที่จะไป เยี่ยมหาเขาที่บ้าน หลายคนที่ฝันถึงเขาทำให้เราอยากไปเห็น กับตาว่าเขาเป็นอย่างไร
หญิงสาวเชื่อว่าที่ตนฝันก็คงเพราะจิตสำนึกที่มีความห่วงใย ในตัวรุ่นพี่ที่เฝ้าแอบชอบนั่นเอง
“จริงเหรอคะพี่นล บ้านพี่ยักษ์อยู่แถวเดียวกับบ้านนี้เหรอคะ” นิราถาม
“จริง พี่จะไปหลอกทำไม วันนั้นที่มันขับรถคว่ำ ก็ในคว่ำใน
ซอย….” นลธวัชเอ่ยชื่อซอยหนึ่งที่ทำให้มีราแทบร้อง
“ตายจริงถัดจากซอยที่มีอยู่ซอยเดียวเอง” “มันไปทางนั้นเพราะเป็นทางลัดไปบ้านมัน
ข้อมูลที่ได้รู้สะกิดใจนีราเหลือเกิน แต่หล่อนบอกไม่ได้ว่าเรื่อง อะไร หญิงสาวนั่งครุ่นคิดไปตลอดทางจนกระทั่งถึงปากซอยบ้าน ของอนันตยศ นลธวัชก็หันมาบอก
“นี่ไง…ยักษ์มันอยู่ซอยนี้
“ค่ะพีนล เลยซอยอพาร์ตเมนต์นี้มาแค่ซอยเดียวเอง”
“วันหลังก็แวะไปเยี่ยมมันได้ แม่ไอ้ยักษ์ใจดี วันนั้นเห็นคุยกับ นีด้วย สงสัยจะถูกชะตา” คำพูดของนลธวัชทำให้เรารู้สึกมี ความหวังอย่างช่วยไม่ได้
มัวใจชื้นกับคำพูดรุ่นพี่ได้นิดเดียวหญิงสาวก็นึกเฉลียวใจขึ้น มาว่า คำพูดของนลธวัชเหมือนรู้ว่าหล่อนแอบชอบเพื่อนเขาเลย นีราชาเลืองสายตาไปมองแผ่นหลังคนเป็นเพื่อนที่นั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่ เบาะหน้า นึกอยากเอื้อมไปหยิกแขนจริงเชียว แต่ก็ทำได้เพียง แค่นั่งนิ่งๆ
ไม่นานนักนลธวัชชะลอรถจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้าน ขนาดกลางด้านหน้ามีสนามหญ้าตัดอย่างเป็นระเบียบ ชายหนุ่ม และหญิงสาวทั้งสองลงจากรถ นลธวัชเป็นคนกดกริ่งหน้าประตู ยืนรอครู่เดียวมารดาของอนันตยศก็มาเปิดประตู สีหน้าบอกว่า แปลกใจในตอนแรก ก่อนจะยิ้มแย้มอย่างยินดีเมื่อเปิดประตูรับ เพื่อนของบุตรชาย
“อ้าว นลน่ะเอง พากันมาเยี่ยมยักษ์เหรอลูก
“ครับแม่ ไปที่โรงพยาบาลแล้วเขาบอกว่าแม่พายักษ์กลับบ้าน ตั้งแต่บ่ายแล้ว”
“ใช่” มารดาของอนันตยศตอบพลางเชิญชวนชายหนุ่มหญิง สาวเข้าบ้าน “หมอเขาบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ไม่มี อาการแทรกซ้อนอะไร หมอคิดว่าพอร่างกายยักษ์แข็งแรงเต็มที่ ก็น่าจะฟื้น เหลือแค่ต้องรอ
“แล้วแม่ดูแลคนเดียวเหรอครับ”
“แม่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะจ้างพยาบาลมาดีไหม ปกติแม่ก็อยู่ บ้านทั้งวัน จะลำบากก็ตรงที่ไปไหนมาไหนลำบาก ทั้งยักษ์ไว้คน เดียวไม่ได้”
“ถ้าเสาร์อาทิตย์แม่จะไปไหน ให้มาเฝ้าพี่ยักษ์ก็ได้ค่ะ ใช่ ไหม…” ประโยคหลังภัทราหันมาถามหล่อน ก่อนเอ่ยต่อ “อพาร์ตเมนต์นี้อยู่ซอยถัดไปนี่เองค่ะ”
รายังตกใจไม่หายที่คนเป็นเพื่อนเสนอไปอย่างนั้น ยังไม่ทัน จะพูดตอบอะไร หญิงสูงวัยก็หันมาถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
“จริงหรือหนูนี ถ้าหนูไม่รังเกียจ แม่ขอรบกวนนะจ๊ะ”
เจอคำพูดนี้เข้าไป นีราจึงรับคำทั้งที่ยังตั้งตัวไม่ทัน
“ค่ะ แม่ ถ้าวันไหนแม่จะออกไปทำธุระ บอกได้ค่ะ นี่มาเฝ้า ยักษ์ให้ได้”
“ขอบใจมากลูก แม่จะได้หมดกังวลไปอีกเรื่อง” อรเอ่ยพลาง ลูบหลังลูบไหล่ราอย่างเอ็นดู แววตาฉายรอยพึงพอใจอย่างไม่ คิดปิดบัง
อรดัดแปลงห้องทํางานเก่าของสามีเป็นห้องนอน เพื่อใช้เป็น ห้องพักฟื้นสำหรับบุตรชายพักในช่วงที่ยังไม่ได้สติ จะได้ใกล้ ใกล้ตา และนางก็ไม่ต้องคอยวิ่งขึ้นลงเพื่อดูแลบุตรชาย
อนันตยศนอนอยู่บนเตียงขนาดสามฟุตครึ่งที่ตั้งอยู่มุมหนึ่ง ท่าทางของเขาเหมือนคนนอนหลับธรรมดา ไม่ได้มีเค้าของคนที่ เพิ่งประสบอุบัติเหตุมาแม้แต่น้อย
หนุ่มสาวทั้งสามเดินตามมารดาของอนันตยศเข้าไปหยุดยืน ตรงปลายเตียง
นีราชะเง้อมองชายหนุ่มที่หล่อนแอบรักอย่างพินิจ พิจารณา…ก่อนถอนใจด้วยความโล่งอก คงเป็นอย่างหมอบอก นั่นแหละ คือต้องรอ…ร่างกายแข็งแรงดีเมื่อไร เขาก็คงฟื้นเอง
“เดี๋ยวแม่ไปหาขนมหาน้ำมาเลี้ยงก่อนนะลูก” อรเอ่ยพลาง หมุนตัวเดินออกไป เรารีบก้าวตามพลางบอก
“เดี๋ยวนีช่วยค่ะ” หล่อนเสนอตัวโดยที่ไม่ได้คิดว่าเป็นการ ประจบเอาใจอะไร เพียงแต่ถูกสอนมาว่าอย่านิ่งดูดาย อะไรช่วย เหลือได้ก็ควรช่วย
ภัทรามองตามแล้วยกนิ้วโป้งชื่นชม
นีรายิ้มให้คนเป็นเพื่อนแล้วรีบเดินตามเจ้าของบ้านไปที่ห้อง ครัวซึ่งอยู่ด้านหลังบ้าน มารดาของอนันตยศเปิดตู้หยิบแก้วมา วางเตรียมให้ พลางเอ่ยบอกหล่อน
“หนูนีเปิดตู้เย็นหยิบเครื่องดื่มตามใจชอบเลยลูก อะไรก็หยิบเอาเลย” อยากดื่ม
“ค่ะ แม่” นีรารับคำแล้วเปิดตู้เย็นเลือกหยิบน้ำอัดลมมาขวด หนึ่งให้นลธวัช ส่วนหล่อนกับเพื่อนนั้นขอเป็นน้ำเปล่าดีกว่า
อรเปิดฝาชีที่วางครอบอยู่บนโต๊ะกลาง ในนั้นมีถาดวางขนม จําพวกเบเกอรี่จัด ใส่กล่องพลาสติกวางเรียงกันอยู่ หญิงสูงวัย เลือกหยิบมาสามสี่กล่องวางเรียงใส่ถาดที่หยิบออกมาจากตู้ก่อนหันมาคุยกับนีรา
“หนูเป็นรุ่นน้องตายักษ์เหรอ”
“ค่ะ แต่ที่ทำงานอีกแผนกค่ะ” นีราตอบทั้งที่จำได้ว่าอีกฝ่าย เคยถามคำถามทำนองนี้มาแล้ว
“แล้วรู้จักกันมานานหรือยัง” แม้จะสะกิดใจกับคำถามของ
หญิงสูงวัย หากมีราก็ยังตอบคำถามของนางอย่างสุภาพ
“หลายปีแล้วค่ะ ตั้งแต่นี้เข้าทำงานที่บริษัทค่ะ”
อรพยักหน้าเหมือนรับรู้
“หนู อยากกินขนมอะไรอีกหรือเปล่า หยิบเลยนะลูก”
หญิงสูงวัยพยักพเยิดไปที่ถาดขนมเบเกอรี่นานาชนิด
“แม่ทำเองเหรอคะ” นี่ราถามด้วยความสนใจ
“ใช่จ้ะ แมทำส่งน่ะ ปกติจะมีลูกมืออีกคนแต่ช่วงนี้เขาขอ ลากลับบ้าน แม่เลยต้องวิ่งวุ่นคนเดียว ไหนยักษ์จะเข้าโรง พยาบาล ไหนจะทำขนมส่งอีก หนูชอบทำขนมไหมลูก
ประโยคสุดท้ายหญิงสูงวัยหันมาถาม
“ชอบค่ะ อยู่บ้านนี้เคยหัดทำอยู่บ้างค่ะ แต่มาอยู่กรุงเทพฯ ที่ทางไม่อำนวยเลยไม่ได้ทําเลยค่ะ”
“บ้านหนูอยู่ไหนนะลูก”
“ศรีราชาค่ะ”
“อ้าว…เหรอ! พ่อตายักษ์เขาก็เป็นคนเมืองชล ครอบครัวเขา อยู่ในตัวเมืองชลบุรี ว่าไปแม่กับยักษ์ไม่ได้แวะไปไหว้ญาติ ผู้ใหญ่ทางฝั่งนั้นนานแล้วเหมือนกัน ยักษ์พื้นเมื่อไรคงต้องชวน ไป หนูนี่ล่ะกลับบ้านบ้างหรือเปล่า”
“กลับเกือบทุกเดือนค่ะ
“ดีจ้ะ” หญิงสูงวัยชมพลางเอ่ย “หนูนี้ช่วยแม่ยกขนมไปทีนะ”
“ค่ะ” เรารับค่าแล้วยกถาดใส่ขนม น้ำ และแก้วน้ำเดินกลับ ไปที่ห้องพักฟื้นคนป่วย โดยมีเจ้าของบ้านเดินตาม และช่วยเปิด ประตูให้เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องพักฟื้น
นลธวัชตรงเข้ามารับถาดไปจากเราแล้ววางบนโต๊ะทำงาน
ทั้งหมดอยู่พูดคุยกับมารดาของอนันตยศจนได้เวลาอัน สมควรจึงลากลับ ก่อนจะขึ้นรถหญิงสูงวัยเอ่ยชวนนี้รา
“วันหลังหนูนี้ว่างๆ ก็แวะมาเที่ยวเล่นได้นะลูก มาหัดทำขนม
กับแม่ก็ได้”
นีรารับคำพลางยิ้มด้วยความดีใจปนขัดเขิน หญิงสาวยื่น นามบัตรที่มีติดตัวให้มารดาของอนันตยศพลางบอก
“ถ้าแม่มีธุระข้างนอก แล้วหาคนเฝ้าพี่ยักษ์ไม่ได้ ก็โทรเรียกนี นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ
หญิงสูงวัยรับนามบัตรใบนั้นมาถือไว้ แล้วบอกหล่อนว่า
“แม่โทรไปแน่ๆ จ้ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ