บทที่ 20 ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด
“ผมจ่ายเงินไปแล้วนะ อยู่ๆคุณมาบอกว่าไม่ขายให้ผม? “เฉิ นพูดขึ้นพร้อมกับเอาของในมือหนี
ผู้คนมองมาที่เถ้าแก่ พวกเขาล้วนคิดว่าการทำเช่นนี้เกินไป เสียหน่อย ของที่ขายไปแล้วพบว่าขายในราคาที่ต่ำไปก็ไม่ขาย เอาซะดื้อๆ นี่มันไม่มีเหตุผลเสียเลย
แต่พวกเขาก็พอเข้าใจการกระทำของเถ้าแก่นี้ เพราะของ ราคาสองพันแต่ศาสตราจารย์หนูรับซื้อในราคาสองหมื่น ถ้าเป็น พวกเขาก็คงร้อนรนใจเหมือนเถ้าแก่แน่
“คุณยังไม่ได้ออกไปจากร้านเรา แม้จะจ่ายเงินแล้วก็ยังเป็น สิทธิของผมอยู่” เถ้าแก่พูดอย่างหน้าไม่อาย เขาเตรียมตัวข่มขู่ เฉิน
“เราจ่ายเงินไปแล้วนะคะ คุณมาพูดว่าไม่ขายก็ได้งั้นเหรอ นี่ มันไม่มีเหตุผลเอาจริงๆ” หลินจุนพูดเสริมด้วยความไม่พอใจ
ถ้าหากเถ้าแก่พูดแต่แรกว่าของชิ้นนี้ไม่ขาย เธอคงไม่รู้สึกแย่ แบบนี้
ศาสตราจารย์หยูผู้รอบรู้ในเรื่อง โบราณคดีเสนอราคาที่หนึ่ง แสนซื้อถ้วยดินนี้ แน่นอนว่ามันคือของล้ำค่าทางวัฒนธรรมไม่ผิด เพี้ยน จะคืนให้เถ้าแก่ไม่ได้เด็ดขาด
“ดี ดีมาก งั้นทางเราคงต้องใช้เหตุผลคุยกับคุณสักหน่อยพวกคุณขโมยของในร้านเรา เราจะปล่อยคุณออกไปได้ยังไง? ” เถ้าแก่มองมาทางหลินจุน
ลู่เฉินมองดูภายในร้าน มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ทั่วร้าน เขาดูออกว่าเถ้าแก่จะมาไม้ไหน
“ลู่เฉินเราไปกันเถอะค่ะ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะอะไรแบบนี้ ในกลางวันแสกๆ” หลินจุนไม่สนใจคำพูดของเถ้าแก่ เธอจูงมือ ลู่เฉินเตรียมตัวออกจากร้าน
“ไปงั้นเหรอ? พวกคุณคิดว่าจะไปโดยไม่เอาถ้วยนั่นทิ้งไว้ได้
งั้นเหรอ? ” เถ้าแก่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และตบมือ
มีชายร่างสูงใหญ่เดินออกมาล้อมพวกเขาไว้
คนพวกนี้ร่างกายกำยำมองดูแล้วไม่น่าเป็นมิตร
พวกเขาไม่พูดอะไร ได้แต่ล้อมลู่เฉินเอาไว้
หลินจุนตกใจเมื่อเห็นพวกเขา เธอรีบคว้าขึ้นมาไว้ในอ้อม กอด
“เอาล่ะพ่อหนุ่ม ถ้าตอนนี้ขายของให้ผม ผมยังพอช่วยคุณได้ บ้างนะ” หยูเจิ้งเทาไม่ได้ใส่ใจชายฉกรรจ์พวกนั้น แต่ยิ้มมาที่ เฉิน
เถ้าแก่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ที่เขากล้าทำแบบนั้นกับลู่เฉิน เพราะเห็นเขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
แต่สำหรับหยูเจิ้งเท่านั้นไม่เหมือนกัน
เขาเป็นใหญ่ในวงการของสะสม เบื้องหลังเขารู้จักผู้มีอิทธิพล มากมาย แม้ตัวเถ้าแก่เองจะมีความสามารถแก่ก็ไม่กล้าขัดใจห ยูเจิ้งเทา
“พ่อหนุ่ม ศาสตราจารย์หนูออกหน้าให้แล้ว รีบขายให้เขา
เร็ว”
“ใช่ๆๆๆ ไม่อย่างนั้นเรื่องขโมยสินค้าทางประวัติศาสตร์ถึง ศาลเข้าจะซวยโดยไม่รู้ตัว
บรรดาคนที่อยู่ข้างๆพูดเกลี้ยกล่อมลู่เฉิน คล้ายกับเป็นห่วง
เป็นใยเขา
“พวกเราจ่ายเงินซื้อแล้ว ไม่ทราบว่าพวกคุณใช้ตาข้างไหน มองว่าเราขโมย! “หลินจุนพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
คนพวกนี้เป็นใครกัน ก็แค่คนที่มาเลือกซื้อของ แต่กลับเห็น
ผิดเป็นถูกเห็นถูกเป็นผิด เข้าข้างเถ้าแก่แบบนี้ พวกเขาตาบอด
หรือไง?
ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง อยากรู้นักว่าพวกเขาจะพูดแบบนี้ ไหม?
“พ่อหนุ่ม ตามที่เข้าใจนะ สมมุติว่าพวกเธอจะซื้อถ้วยใบนี้ป แล้ว แต่ของล้ำค่าทางวัฒนธรรมเช่นนี้ควรอยู่ในมือของผู้รู้และ เข้าใจมันถึงจะมีคุณค่า หากอยู่ในมือผู้ไม่รู้ค่า ก็มีแต่ปัญหาตาม มาภายหลัง” ชายชราคนหนึ่งส่ายหัวและกล่าวขึ้น
“อะไรคือที่คุณว่าสมมุติพวกเราซื้อ พวกเราซื้อแล้วต่างหากเงินที่จ่ายไปแล้วของก็ควรเป็นของเราใช่ไหม? ตอนนี้ยุคสมัย ไหนแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าตำรวจจะเป็นถูกเป็นผิดเหมือนพวกคุณ หลินจุนพูดขึ้นพร้อมกับทำท่าหยิบมือถือขึ้นมาจะแจ้งความ
“จะแจ้งตำรจเหรอ เชิญเลย ลองดูว่าตำรวจจะเชื่อเราหรือจะ เชื่อคุณ” เมื่อเห็นหลินจนทำท่าจะแจ้งความ เถ้าแก่ก็ยิ้มด้วย สายตาเยือกเย็น
ที่จริงเขาหวังว่าหลินจุนจะแจ้งตำรวจ เพราะหนูเจิ้งเทาจะไม่ สามารถบังคับลู่เฉินขายถ้วย ให้ได้ สุดท้ายของจะต้องตกอยู่ใน มือเขา
หลินจนหยุดชะงัก เธอไม่ใช่คนโง่เข้าใจดีว่าที่เถ้าแก่พูดนั้น หมายความว่าอย่างไร ถ้าในกรมตำรวจไม่มีพรรคพวกของเขา คงไม่กล้าเอ่ยทําแบบนี้ พวกเธอเสร็จเขาแน่ถ้าแจ้งตำรวจ
“พ่อหนุ่ม ผมให้เพิ่มอีกห้าหมื่น คุณลองคิดดูอีกทีนะ” หยูเจิ้ง
เทาพูดต่อ
หลินจุนได้ยินว่าหมู่เจิ้งเทาเพิ่มเงินให้อีกห้าหมื่นก็แน่ใจว่า ถ้วยที่อยู่ในมือของลู่เฉินนั้นเป็นของล้ำค่าแน่นอน
เธอเองก็พอมองออกว่าเหตุการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร สะกิด เฉินแล้วพูดว่า “เราขายให้ศาสตราจารย์หยูดีไหมคะ”
ลู่เฉินยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นของขวัญที่ตั้งใจซื้อให้พ่อ จะเท่า ไหร่ผมก็ขายให้ไม่ได้หรอก”
หลินจุนถอนหายใจ เธอไม่รู้จะพูดยังไงดี
เถ้าแก่เองก็โล่งอกที่เฉินไม่ได้คิดขายให้หยูเจิ้งเทา ไม่อย่าง นั้นคงไม่มีโอกาส
ตอนนี้ลู่เฉินไม่ยอมขาย เขายังสามารถแข่งมันมาจากมือของ ลู่เฉินได้
“ส่งถ้วยนั้นมาให้ผมเถอะ ไม่อย่างนั้นผมคงต้องส่งคุณไปนอน ในคุก ถึงเวลานั้นคงไม่ใช่เรื่องขโมยของธรรมดาแล้วละ”เถ้าแก่ รีบพูดแทรก
เมื่อเขาพูดจบ บรรดาชายฉกรรจ์ก็รุมเข้ามาจะแย่งของไป
เฉินรีบเดินหน้าขึ้นปกป้องหลินจุนกับฉีฉี เขาไม่ได้เห็นพวก ชายกลุ่มนั้น ในสายตา
พวกบรรดาลูกค้าคนอื่นเมื่อเห็นการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้นก็ตั้ง ตารอดู พวกเขาคงไม่เคยคิดว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเองจะทำ
อย่างไร จะมีใครช่วยไหม
“ผมให้โอกาสคุณอีกเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะส่งของมาให้ผม ไหม? ” เถ้าแก่ถามเสียงต่ำ
ลู่เฉินมองเขาแล้วพูดว่า “ได้ แต่ต้องให้ภรรยาและลูกของผม ออกไปจากที่นี่ก่อน”
แม้เขาจะไม่กลัวนักเลงพวกนี้ แต่ก็ไม่อยากทะเลาะกับใครต่อ
หน้าลูกสาวตน
“ตกลง ให้พวกเธอออกไปได้” เถ้าแก่ตอบรับ
“คุณขายของให้ศาสตราจารย์หยูแล้วออกจากร้านนี้ไปด้วย กันไม่ได้หรือไง” หลินจี้จุนพูดขึ้น เมื่อรู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ที่กำลัง จะเกิดขึ้น
ให้คุณไปก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงผม พวกคุณไปรอผมที่บ้าน คุณตาฉีฉีแล้วกัน” ลู่เฉินพูด
หลินจุนกังวลใจเล็กน้อย เธอแน่ใจแล้วว่าลู่เฉินจะลงไม้ ลงมือกับพวกเขา
แต่เธอก็รู้ดีว่าเฉินมีทักษะการป้องกันตัวที่ไม่แพ้ใคร ไม่ได้ กลัวว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บอะไร
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ ก็ตัดสินใจพาลูกสาวเดินออกมา เพราะ เธอรู้ว่าเขาไม่อยากให้ลูกสาวเห็นการต่อสู้ในครั้งนี้ เกรงว่าจะส่ง ผลเสียต่อเธอ
ที่จริงในใจเธอก็อยากให้ลู่เฉินสั่งสอนเถ้าแก่ที่เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิดเช่นนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ระวังตัวด้วยนะคะ”
พูดจบก็พาฉีฉีเดินจากออกไป
“เอาล่ะ ส่งของมาได้หรือยัง” เมื่อหลินจุนออกไปจากร้าน เถ้าแก่ก็รีบถามขึ้น
ลู่เฉินหรี่ตามองเขา “ถ้าไม่ให้ล่ะ? ”
“ไม่ให้งั้นเหรอ? ” เถ้าแก่หัวเราะ “นี่แกไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือไง ฉันจางซานหยวนเป็นใคร จะบอกให้เอาบุญนะไอ้หนูน้อย เอาถ้วยนั่นคืนมาซะดีๆ เงินสองพันนั้นฉันจะคืนให้ ไม่งั้นถ้าแกต้องแขนหักและไปนอนกินข้าวแดงจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“จะหักแขนงั้นเหรอ? งั้นก็ได้ ในเมื่อรนหาที่เองก็จะสนองให้
ลู่เฉินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วหยิบมือถือออกมา
เมื่อเห็นลู่เฉินทำท่าโทรหาคนช่วย จางซานหยวนยิ้มข
หยูเจิ้งเทาและคนอื่นๆได้แต่ส่ายหัว
อิทธิพลของจางซานหยวนนั้นใครไม่รู้บ้าง เขาไม่เกรงกลัว ใครนอกจากศาสตราจารย์หนู อย่าว่าแต่คนธรรมดาทั่วไปเลย แม้แต่พวกเศรษฐีย่อยๆก็ไม่มีใครกล้าขัดใจเขา
เฉินที่กล้าทำเช่นนี้ วันนี้หวังว่าคงเสร็จเขาแน่นอน
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ