บทที่7 ร้านอาหารตะวันตก
คนที่เย่เสี่ยวหวั่นพูดถึงก็คือ จ้าวฟางสงแห่งตระกูลจ้าวในเมือง หยินโจว
จ้าวฟางสงเคยรู้สึกดีๆกับเย่หยุนซูทั้งสองคนรู้จักกันมาหลาย ปีแล้ว ในตอนนั้นตระกูลเย่ตั้งใจที่จะให้เย่หยุนซูแต่งงานกับจ้าว
ฟางสง แต่จู่ๆชียวหยางก็ได้ปรากฏตัวขึ้น อีกทั้งท่านปู่ตระกูลเยก็จง
ใจให้เย่หยุนซูแต่งงานกับเซียวหยาง จ้าวฟางก็เลยไม่มีหวัง
ต่อมาจ้าวฟางสงก็แต่งงานมีภรรยาใหม่ แต่ว่าไม่นานพวกเขา ก็ได้หย่าร้างกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าเหงาหรือเปล่าเขาถึงได้คิด ถึงเย่หยุนซูขึ้นมา
อีกทั้งเขาคงรู้ว่าเย่หยุนซูแต่งงานกับพวกเศษวะ จึงจงใจที่จะ แสดงความหวังดีให้เย่หยุนซูรับรู้ และให้เยเสี่ยวหวั่น เป็นดั่ง สะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสอง
เพียงแต่ว่ายังไม่ได้แสดงเจตจำนงก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นก่อน เช่ เสี่ยวหวั่นก็เลยคิดว่าจ้าวฟางสูงน่าจะกำลังแอบช่วยเหลือเย่หยุน ซูอยู่
คิดไปคิดมาก็น่าจะใช่ เพราะว่าในเมืองหยินโจวก็คงจะมีเพียงจ้าวฟางสงและอีกไม่กี่คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ และทำให้โจวเจี้ยนต่ยอมรับ
“ถ้าหากเป็นเขาจริงๆ มันก็น่าจะเป็นไปได้
“คนคนนี้แม้จะหย่าแล้ว หากมีใจให้เย่หยุนซูล่ะก็ นั้นก็ หมายความว่าตระกูลเยของพวกเราก็คงจะได้รับวาสนาไปด้วย”
“ดีเลย ถ้าตระกูลเย่กับตระกูลจ้าวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน ได้ อีกทั้งในมือก็ยังมีสัญญากับตระกูลโจวอีกฉบับ
ถ้าอย่างนั้นไม่แน่ว่าตระกูลเยู่ของพวกเราอาจจะกลายเป็น
ตระกูลอันดับหนึ่งก็ได้”
เมื่อท่านย่าได้ยินญาติๆของตนอภิปรายกันไปมา ก็พยักหน้า ตามแสดงความเห็นด้วย กลายเป็นตระกูลชั้นหนึ่ง เป็นความฝัน ที่มีมาหลายปีของตระกูลเย่
เย่หยุนซูร้อนใจ “พวกคุณพูดอะไรกันแบบนั้นคะ ฉันแต่งงาน แล้วนะคะ เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกันฉันได้ยังไง?
หลิวฉ่ายเสียมองลูกสาวอย่างสบประมาท “เด็กโง่ แต่งแล้วก็ หย่าได้ไหนๆลูกก็ไม่ได้ชอบพอกับไอ้ขยะนั้น ทำไมถึงไม่ใช้ โอกาสนี้ รีบหย่าซะล่ะ”
“แต่ว่า……
แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบเขียวหยาง แต่ว่าพอพูดถึงเรื่องหย่า เธอก็รับไม่ได้เช่นกัน ถึงอย่างไงก็อยู่ด้วยกันมาสามปีแล้ว คนที่ ใช้ชีวิตอยู่บ้านหลังคาเดียวกันมาสามปี ถึงจะเป็นหมาเป็นแมวก็ ต้องเกิดความรู้สึกผูกพันกันบ้างแหละ
“ท่านย่า ฉันว่ากาน้ำนี้มันคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้หยุนซูก็คุ้นตาเหมือน กัน” หลิวฉ่ายเสียมองไปที่กาน้ำที่วางอยู่ในตำแหน่งที่สะดุดตา ที่สุด เธอถามขึ้นด้วยความงุนงง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่านย่าก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความดีใจ “ใช่น่ะสิ กานนี้เป็นของที่หยุนซูเธอมอบให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดผู้ เชี่ยวชาญเว่ยเคยประเมินราคากาน้ำนี้ไว้ไม่ต่ำกว่าห้าสิบล้าน เพราะมันเป็นของมีค่าในราชวงศ์ฮั่น
“พวกเธอช่างมีน้ำใจกับฉันมากจริงๆ
หลิวฉ่ายเสียและครอบครัวต่างมองหน้ากัน กาน้ำใบนี้แพง ขนาดนี้เลยเหรอ ราคากว่าห้าสิบล้านเลยเหรอ?
ของราคาห้าสิบล้าน ก็กล้าให้เป็นของขวัญวันเกิด
สีหน้าของหลิวฉ่ายเสียเปลี่ยนไปในทันที เซียวหยางสมควร ตายจริงๆ!
ของราคาห้าสิบล้าน ถ้าหากขายทิ้ง ก็คงซื้อเครื่องประดับเงิน ทองและเสื้อผ้าได้ไม่น้อย
บุญวาสนาในชาตินี้ของเขาคงใช้ไปหมดแล้ว ถึงได้สมบัตินี้ มา แต่ก็กลับมอบมันให้คนอื่น เดิมทีหลิวฉ่ายเสียดีใจเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเงิน
จํานวนห้าสิบล้าน จะมลายหายไปในพริบตา ทำให้เขารู้สึกหดหู
อย่างบอกไม่ถูก
พูดขึ้นเพียงสองสามประโยค จากนั้นหลิวฉ่ายเสียก็ลากลับ ท่านย่าก็ไม่ได้ตั้งพวกเขาไว้
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดพอดี เย่หยุนซูลากเซียวหยางมาที่ร้าน อาหารฝรั่งเศสPerfume Bayด้วย
เซียวหยางไม่พูดไม่จา แต่งงานแล้วยังไปออกเดทหาคู่อีก ใน เมืองหยินโจวก็คงจะมีแค่เพียงครอบครัวของเหยุนซูที่
ทําเรื่องแบบนี้ออกมาได้
อีกทั้งยังได้รับการอนุญาตจากท่านย่าด้วย มิน่าเมื่อวานนี้เ หยุนซูถึงได้พูดจาแปลกๆ แต่ว่าการที่เธอนั้นเรียกตนมาในวันนี้ ด้วยก็แสดงให้เห็นว่าเธอก็ไม่ชอบวิธีการขายลูกสาวกินของบ้าน นี้เหมือนกัน
เมื่อเย่เสี่ยวหวั่นเห็นว่าเขียวหยางตามมาด้วย ก็ตั้งใจขวาง เขาไว้ที่หน้าประตูทางเข้า เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมให้เชียวหยาง เข้าไป
เขียวหยางขมวดคิ้ว ถ้าไม่ได้เห็นแก่เย่หยุนซูแล้วเชียวหยาง ก็คงจะไม่ได้แยแสหล่อนและทำร้ายผู้หญิงคนนี้สักครั้ง
“เซียวหยาง! ”
ในเวลานี้ เย่หยุนซูค่อยๆเดินก้าวเข้ามา เมื่อเห็นเชียวหยาง ถูกขวางอยู่ด้านนอก ก็นิ่งเงียบครู่หนึ่ง แล้วจับมือเซียวหยาง แน่น จากนั้นก็พาเขาออกไปข้างนอก
“พี่คะ พี่มาดูตัวนะแล้วจะพาไอ้ขยะมาทำไม? ”
ในตอนนี้เย่หยุนซูรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก และไม่พอใจมากด้วย สามปีก่อน พวกเขาไม่ยอมรับฟังความเห็นของเธอเลย บังคับ
ให้เธอไปแต่งงานกับเซียวหยาง และสามปีต่อมาก็ยังมาบังคับ เธอให้ไปดูตัวอีก
เห็นเธอเป็นอะไร สิ่งของเหรอ?
ร้านอาหารฝรั่งเศสPerfume Bayตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองที่ ศิวิไลซ์ที่สุด ตกแต่งอย่างหรูหราเป็นสไตล์ฝรั่งเศสแบบคลาสสิค สง่างามและประณีต
นี่คือร้านอาหารฝรั่งเศสที่หรูหราที่สุดในเมืองหยินโจว แม้แต่ เย่หยุนซูเองก็เคยมาแค่ครั้งสองครั้ง
ในเวลานี้ จ้าวฟางสงกำลังพูดคุยกับผู้ใหญ่บนที่นั่งVIP ริม หน้าต่างของห้องอาหาร
“ฟางสงเป็นคนมีความสามารถจริงๆ เด็กขนาดนี้สามารถ สร้างธุรกิจขึ้นมาเอง เก่งมากจริงๆ
หลิวฉ่ายเสียยิ่งเห็นจ้าวฟางสงก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมาะสม แม้ว่าจ้าว ฟางสงจะอายุมากกว่าลูกสาวตนหลายปี และเคยหย่าร้างมา ก่อน แต่ว่าข้าวฟางสงก็เป็นเจ้าของบริษัทเสื้อผ้าที่ทันสมัยและ ใหญ่ที่สุดในเมืองหยินโจว หากเปรียบเทียบกับลูกเขยไม่เอา ไหนของเขาแล้ว จ้าวฟางสงคนนี้เก่งกว่าหลายเท่า
ที่สำคัญก็คือเขากระตือรือร้นที่จะจีบหยุนซูเอง
“คุณป้า ท่านชมผมมากเกินไปแล้วครับ ผมก็แค่ผู้ชายตัว เล็กๆธรรมดาๆคนหนึ่ง
“คุณก็ถ่อมตัวเกินไป คุณช่วยหยุนซูของพวกเราขนาดนี้ ยัง ถ่อมตัวอยู่อีก ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ คุณดีกับหยุนซู ของพวก เราไม่น้อยเลย”
จ้าวฟางสงงงงวย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เย่เสี่ยวหวั่นได้อธิบายให้เขาฟังก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องที่ว่า สัญญาความร่วมมือกับบริษัทของโจวเจี้ยนนั้นเป็นเพราะตน เป็นตัวเชื่อม จนทำให้สัญญานี้เซ็นสำเร็จ แต่ในความเป็นจริง แล้วตนนั้นไม่ได้เป็นคนทํา แต่ว่าบุญคุณนี้เขาก็พร้อมที่รับมัน โดยไม่ถือสา
ขณะที่กำลังพูดนั้นเชียวหยางและคนอื่นๆ ก็เดินเข้ามา เมื่อ หลิวฉ่ายเสียเห็นเขียวหยางสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อนึกถึงเรื่องกาน้ำ เขาก็โมโหจนอดพูดขึ้นอย่างเสียงดังไม่ ได้ว่า: “นายมาทำไม ไสหัวไปซะ”
เซียวหยางยักไหล่ “หยุนซูให้ผมมาเป็นเพื่อนครับ มีปัญหา อะไรเหรอครับ? ”
“แม่คะ หนูให้เขามาเองคะ อย่าไปโทษเขาเลยคะ” เย่หยุนซู
พูดขอร้อง
“พรุ่งนี้ลูกรีบย้ายออกมาซะ แล้วรีบไปจัดการเรื่องหย่าให้ เรียบร้อย ผู้ชายไม่เอาไหนแบบนี้ ต่อไปลูกก็คงต้องอดอยากไป กับเขา”
เย่หยุนซูไม่พูดไม่จา ดึงเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่ง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วก็ช่วยเซียวหยางดึงเก้าอี้ออกมาหนึ่งตัว
“ฮี ขยะก็คือขยะ” เย่เสี่ยวหวั่นเหลือบมองเขียวหยางอย่าง เหยียดหยัน
จ้าวฟ่างสงเหลือบมองเขียวหยางยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณป้า ครับ ไหนๆเขาก็มาแล้ว ให้ทานข้าวกันเถอะครับ ใช่แล้ว คุณ เซียว ไม่น่าจะเคยมาร้านอาหารที่หรูหราขนาดนี้ อยากจะทาน อะไรก็สั่งเองเลย ไม่ต้องเกรงใจผม”
บทที่ 8 ใครกันแน่ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เขาเคยกินอาหารแบบนี้ซะที่ไหน ชาตินี้ทั้งชาติที่กินบ่อยๆก็ คงจะเป็นอาหารอย่างง่ายๆแหระ ดูอย่างหยุนซูสิ ตั้งแต่แต่งงาน อยู่กับเขาก็ซูบผอมลงไม่น้อยเลย
แท้ที่จริงแล้ว จ้าวฟางสงก็ไม่ค่อยชอบอาหารฝรั่งเท่าไหร่ เพียงแต่รู้สึกว่าตนต้องโชว์รสนิยมสักหน่อย จึงตัดสินใจเลือกที่นี่
คนธรรมดาที่ไม่เคยมาที่นี่จะไม่รู้เลยว่าอาหารที่นี่ต้องสั่ง
อย่างไร
และในเวลานี้เองเขาค่อยๆรับเมนูมาดูอย่างใจเย็นและสั่ง อาหารอย่างสง่างามพร้อมถือโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรม ตะวันตกที่หาข้อมูลมาจากไปให้ฝ่ายตรงข้ามมองด้วยความ นับถือ
อีกทั้ง เขายังจงใจเรียนพูดภาษาฝรั่งเศสอย่างง่ายสองสามประโยค พูดได้เลยว่าเพื่อจีบเย่หยุนซูสาวสวยคนนี้ แล้วเขาก็เตรียมตัวมาไม่น้อย
จ้าวฟางสง ใช้ภาษาฝรั่งเศสทักทายกับพนักงานชาวฝรั่งเศส
เดิมทีเซียวหยางคิดว่าจ้าวฟางสงรู้ภาษาฝรั่งเศส แต่คิดไม่ถึง เลยว่า เวลาสั่งอาหารเขาจะเปลี่ยนไปใช้ภาษาจีนกลางแทน
เย่หยุนซูยิ้ม “ประธานจ้าวคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะพูดภาษา ฝรั่งเศสได้”
“ก็พอได้ครับ ไม่ได้เก่งอะไร” ในใจของจ้าวฟางสงรู้สึกภูมิใจ คิดไว้ไม่ผิดเลยว่า การมาร้านอาหารพรีเมี่ยมเช่นนี้จะทำให้ผู้ หญิงรู้สึกดีกับตน
“ฟางสงถ่อมตัวเกินไปแล้ว พอเห็นคุณก็รู้แล้วว่าคุณจะต้อง ออกงานสังคมบ่อยๆ ภาษาฝรั่งเศสของคุณจะต้องสอบผ่าน ระดับ4ระดับ6 แล้วแน่ๆ”หลิวฉ่ายเสียยิ้มพลางพูดขึ้น
เขียวหยางเกือบจะหัวเราะออกมา ไม่เคยได้ยินว่าภาษา ฝรั่งเศสก็มีระดับ4ระดับ6กับเขาด้วย ไม่คิดเลยว่าหลิวฉ่ายเสีย จะทุ่มเทยกยอจ้าวฟางสงขนาดนี้
“แม่ยายครับ แต่ผมกลับคิดว่าภาษาฝรั่งเศสของประธานจ้าว ก็งั้นๆแหละ รูปประโยคก็ไม่ไหลลื่น ระดับก็พอๆกับเด็กอายุสาม ขวบ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เซียวหยางพูด คนที่ฟังต่างก็ตะลึงงัน ข้าวฟ่าง สงเผยสีหน้าเย้ยหยัน “เมื่อฟังที่คุณเขียวพูดแล้ว ดูเหมือนว่า คุณจะรู้ภาษาฝรั่งเศสอย่างแตกฉาน
เขียวหยางพยักหน้า “อืม เก่งกว่าคุณไม่น้อย
หลิวฉ่ายเสียรู้สึกไม่พอใจ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เขียวหยาง นายอย่ามาทำขายหน้าที่นี่เลย นายรู้ภาษาฝรั่งเศส ด้วยเหรอ? พ่อบ้านอย่างนายอย่างมากก็คงจะเรียนในทีวีมาแค่ สองสามประโยค ก็อย่ามาเสียหน้าต่อที่นี่เลย”
ภายในใจของเย่หยุนซูรู้สึกอึดอัดใจ เธอให้เชียวหยางมา ด้วยก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอมีสามีแล้ว แล้วให้เขาถอยห่างออก ไปเอง แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ครอบครัวของเธอจะอยู่ข้างจ้าวฟ่าง สง แล้วทิ้งเซียวหยางให้โดดเดี่ยวตามลำพัง
“แม่ แม่อย่าพูดแบบนั้นสิคะ”
“พอได้แล้ว พวกเราสั่งอาหารกันเถอะ”
จ้าวฟางสงไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกว่าตนขี้เหนียว เมื่อสั่ง อาหารสองสามอย่างเสร็จ ก็ถือโอกาสสั่งไวน์แดงยี่ห้อ โรมาเน กองติมาสองขวด
จากนั้นจ้าวฟางสงก็ช่วยหลิวฉ่ายเสียและเย่เสี่ยวหวั่นสั่ง อาหาร
“หยุนซู คุณอยากทานอะไรครับ?
“แล้วแต่เลยค่ะ” เย่หยุนซูพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
“คุณเฑียว ผมไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไร คุณสั่งเองเลยนะครับ”
ขณะที่พูดเขาก็ยื่นเมนูอาหารให้กับเซียวหยาง ภายในใจของ เขารู้สึกภูมิใจมาก เขานั้นคิดว่าเซียวหยางต้องไม่เคยกินอาหาร ฝรั่งเศสมาก่อน แม้แต่สั่งอาหารก็คงสั่งไม่เป็น
เชียวหยางเหลือบมองพนักงานชาวฝรั่งเศสครู่หนึ่ง จากนั้นพูด ขึ้นเป็นภาษาฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่วว่า “คุณผู้หญิงคนสวย ผมต้องการกะหล่ำปลีปารีเชียง1 จานหอยเชลล์ผัดฟัวกราและมา จอแรมแซลมอนโรล”
สายตาของพนักงานชาวฝรั่งเศสเป็นประกาย พูดขึ้นอย่างไม่ อยากจะเชื่อว่า “คุณผู้ชาย ท่าน……..นพูดภาษาฝรั่งเศสได้ เหรอคะ? ภาษาฝรั่งเศสของท่านคล่องแคล่วมาก สำเนียงปารีส ไม่ผิดเพี้ยน”
เพราะว่าที่นี่น้อยนักที่จะมีคนจีนที่สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้ อีกทั้งเซียวหยางก็ยังพูดได้คล่องแคล่วขนาดนี้
ใบหน้าของเยี่หยุนซูซีดเซียว เขียวหยางพูดภาษาฝรั่งเศส ได้? อีกทั้งยังพูดได้คล่องแคล่วมากด้วย?
แม้แต่หลิวฉ่ายเสียกับเย่เสี่ยวหวั่นก็ตะลึงงัน
เขียวหยางยิ้มอ่อน แล้วพูดภาษาฝรั่งเศสต่ออย่าง คล่องแคล่ว : “คุณผู้หญิงคนนี้ ฟังจากสำเนียงของคุณ คุณน่าจะ เกิด รัฐคาลวาโดส”
น้ำเสียงของเซียวหยางราบเรียบ พูดคุยอย่างไหลลื่นกับ พนักงานชาวฝรั่งเศส
จ้าวฟางสูงนั้นตะลึงงันเป็นอย่างมาก เขามองดูเชียวหยางกับ
พนักงานชาวฝรั่งเศสอย่างงงงวย ราวกับกำลังฟังเสียงนกร้อง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ขยะคนนี้พูดภาษาฝรั่งเศสได้จริงๆ?
แรกเริ่มเขายังสงสัยว่าเซียวหยางพูดจาเหลวไหล แต่ว่าเมื่อ เห็นท่าทีกระตือรือร้นของพนักงานชาวฝรั่งเศส ก็รู้ได้ว่าเชียว หยางไม่ได้พูดจาเหลวไหล อีกทั้งยังพูดได้อย่างคล่องแคล่วด้วย
ใบหน้าของเหยุนซูเต็มไปด้วยความประทับใจ เธอคิดไม่ถึง เลยว่า ในวันธรรมดาที่เซียวหยางทำหน้าที่เป็นพ่อบ้าน แต่งตัว มอมแมม กลับเป็นคนมีความสามารถขนาดนี้
“อ่า! คุณเก่งจริงๆ ที่ฟังออก ใช่ค่ะ บ้านเกิดของพวกเราอยู่ที่ รัฐคาลวาโดส
พนักงานชาวฝรั่งเศสคนนั้นตื่นเต้นจนหน้าแดง พลางพูดขึ้น อย่างเป็นมิตรว่า: “คุณผู้ชาย คุณเคยไปรัฐคาลวาโตสเหรอ คะ? ”
“เคยไปครั้งหนึ่ง ที่แห่งนั้นได้รับสมญานามว่าหมู่บ้านแห่ง
ที่ราบลุ่มอันชุ่มชื้น เป็นสถานที่ที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง
เซียวหยางพูดขึ้นเป็นภาษาฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่ว บวกกับ ท่าทางสุภาพมีมารยาท ทำให้สาวน้อยชาวฝรั่งเศสก็ถูกมนต์ สะกดของเขาในไม่ช้า
แท้ที่จริงแล้ว เซียวหยางไม่เพียงแต่พูดภาษาฝรั่งเศสเป็น ภาษาของประเทศอื่นเขาก็พูดเป็นเช่นกัน เพราะเขาอยู่ต่าง ประเทศตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เดินทางไปทั่วทั้งโลก และได้สร้าง สํานักดราก้อนไว้
ภาษาก็เป็นแค่เครื่องมือในการสื่อสารเท่านั้น
สาวน้อยเขยิบเข้ามาข้างหน้า กระซิบเสียงเบาที่ข้างหูของ เชียวหยางว่า : “คุณผู้ชาย ท่านเป็นผู้ชายที่ภูมิฐานที่สุดเท่าที่ฉัน เคยพบเจอ ท่านสามารถบอกฉันได้ไหมว่า เบอร์โทรของท่าน เบอร์อะไร? ”
สาวชาวฝรั่งเศสนั้นชอบความโรแมนติกและกล้าแสดงออก วัตถุประสงค์ในการขอเบอร์โทรศัพท์นั้น ไม่ต้องบอก
ก็รู้
เชียวหยางยิ้มพลางปฏิเสธ และพูดขึ้นด้วยภาษาจีนว่า “ขอโทษครับ ผมมีภรรยาแล้ว
สาวน้อยชาวฝรั่งเศสมองไปที่เย่หยุนซูที่นั่งอยู่ข้างๆ เผย ความอิจฉาออกมาให้เห็น
ในเวลานี้เอง ความประทับใจที่เย่หยุนซูมีต่อเชียวหยางก็ เปลี่ยนไป อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็มีเรื่องที่เขาเชี่ยวชาญแล้วเรื่อง หนึ่ง
แต่ว่าถ้าพูดจริงๆแล้วนับตั้งแต่รู้จักกันกระทั่งวันนี้เธอก็ไม่เคย ที่จะกระตือรือร้นที่จะทำความรู้จักกับผู้ชายคนนี้เลย
เย่หยุนซูห้ามไม่ได้ที่จะคิดว่า เขานั้นมีเรื่องอะไรที่ปิดบังตนอีก
และเมื่อคิดถึงตอนที่คุณปู่บังคับให้ตนต้องแต่งงานกับผู้ชายคน
นี้เหยุนซูเริ่มรู้สึกสงสัย
จ้าวฟางสงพยายามระงับอารมณ์ของตน ทำเป็นฟังรู้เรื่อง บาง ครั้งก็พยักหน้าตาม ในใจเกิดความสงสัย ไหนบอกว่าสามีของ เย่หยุนซูเป็นพวกเศษสวะไง ทำไมวันนี้ไม่เห็นเหมือนกับที่เขาว่า กันเลย
และในขณะนี้เอง หลิวฉ่ายเสียก็พูดดูถูกขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “เชอะ รู้ภาษาฝรั่งเศสแค่นิดหน่อยแล้วมันยังไง ไม่เห็นจะเก่งอะไรเลย ถ้าหากฉันไม่มีอะไรทำ อยู่ แต่บ้านก็คงจะรู้ภาษาต่างประเทศสักสองสามภาษาแล้วฟางสง งานยุ่ง คงไม่มีกระจิตกระใจมาใส่ใจเรื่องพวกนี้หรอก”
“ประธานจ้าว คุณมีเรื่องจะคุยกับหยุนซูไม่ใช่เหรอ พวกเราทุก คนล้วนเป็นพยาน คุณรีบพูดเถอะ” เย่เสี่ยวหวั่นพูดขึ้น
จ้าวฟางสงก็คิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ไม่เลวเลย ยิ้มแล้วพูดขึ้น
ว่า:
“หยุนซูแม้ว่าผมจะเคยหย่าร้างมาก่อน แต่ว่าก็เพราะว่าเป็น แบบนี้ ผมถึงได้รักและทะนุถนอมความรู้สึกมากยิ่งขึ้น การ แต่งงานที่ไม่มีความสุข ไม่มีทางที่จะยาวนานตลอดกาล ผมคิด ว่าผมมีสิทธิ์ที่จะจีบคุณ”
นี่กำลัง…….บอกรักอย่างเปิดอก
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ