บทที่6 คุกเข่าขอโทษ
เพื่อจะแก้ไขปัญหานี้เชียวหยางตัดสินใจขี่รถจักรยานไฟฟ้ากลับ บ้าน เมื่อมาถึงบ้านเขาพบว่าเย่หยุนซูนอนหลับอยู่บนโซฟาแล้ว ขอบตายังมีรอยคาบ ตาเปื้อนอยู่
เซียวหยางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ เขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้ว ค่อยๆวางเธอลงบนเตียง
พอตกเย็นเขาก็เสิร์ฟซุปไก่ให้กับเย่หยุนซูทาน แล้วมองเธอ
ดื่มซุปนั้นด้วยตาของเขาเอง
เมื่อห้าปีที่แล้วของค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหิมะนั้น ชีวิตทั้งชีวิตของ เซียวหยางไม่อาจลืมภาพเด็กผู้หญิงผมเปียหางม้าคนนั้นได้
หว่างคิ้วทั้งสองข้างของเย่หยุนซูยังคงมีเค้าลางเหมือนตอน
เด็กๆ
ความสงบสุขในชีวิตถึงจะเป็นความสุขที่แท้จริง ร่างกายของ เซียวหยางนั้นยังคงปรากฏร่องรอยเขม่าควันจากดินปืนระเบิด เป็นจำนวนมาก สามปีมานี้เขาก็พึงพอใจกับชีวิตที่เงียบสงบ เป็นอย่างมาก
ซักเสื้อผ้า ทำกับข้าว และรับส่งภรรยาเข้างาน ในสายตาของ คนอื่นอาจมองว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดาๆ แต่กลับเป็นช่วงเวลา ที่เซียวหยางวาดฝันเอาไว้ ชีวิตอันเรียบง่าย สุขแสนสบายใจ แต่ว่าสักวันเขาก็จะต้องตื่นจากความฝัน สำนักดราก้อนยังคงสามความกำลังดำเนินไปถึงเมื่อไหร่
วันรุ่งขึ้นเชียวหยางจักรยานไฟฟ้าเยี่หยุนซูไปงานเช่น
เคย
เย่หยุนซูบริษัทเป็นของตนเองแห่งหนึ่ง แม้จะไม่ใหญ่แต่นับว่ามีชื่อในเมือง
เย่หยุนซูมีปัญหาด้านสุขภาพร่างกายเป็นเย็นมาแต่ เกิด ห้ามโมโหอย่างเด็ดขาด เกินไป จะทำให้โรคของเธอกำเริบหนักขึ้น
ดังนั้นเซียวหยางได้ตามใจเธอในทุกเรื่อง ต่อให้เธอดีว่าเขา เขาจะไม่โต้ตอบอย่างเด็ดขาด
เมื่อ
ทะเบียนเพียงเลขจอดอยู่
นานโจวเจี้ยนลงรถ วิ่งมาด้านหน้าของเหยุน
เมื่อเขาเห็นกระอักกระอ่วนและฝืนใจเท่านั้น
ไอ้แซ่โจว ตามมาถึงที่เลยเหรอ ยังไงฉันไม่รับปากคุณ หรอก ต้องเอาเรื่องความร่วมมือบีบฉัน
เย่หยุนซูมีขีดจำกัดของตนเอง เธอรู้ดีว่าเรื่องไหนทำได้ เรื่อง ไหนทําไม่ได้
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ โจวเจี้ยนคุกเข่าลงที่ พื้นอย่างไม่บอกกล่าว
เย่หยุนซูตกใจครู่หนึ่งแล้วรีบพูดขึ้นว่า “คุณ……แม้ว่าคุณจะ ลุกเข่าลงต่อหน้าฉัน ฉันก็ไม่รับปากหรอก”
ภายในใจของโจวเจี้ยนทุกข์จนยากที่จะระบายออกมาเป็น คำพูดได้ คุณคงไม่คิดหรอกนะว่าผมจะคุกเข่าขอความรักจาก คุณ อีกอย่างนะคุณเคยเห็นคนคุกเข่าทั้งสองข้างเพื่อขอความรัก เหรอ?
“คุณผู้หญิงเย่ ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษกับการกระทำของผม ที่ทำไปเมื่อวานนี้นะครับ หวังว่าคุณจะให้อภัยผมนะครับ!
เมื่อโจวเจี้ยนพูดจบก็โขกตัวตัวเองสามที พอเงยหน้าขึ้น
หัวของเขาก็บวมไม่น้อยเลย
เย่หยุนซูตะลึงงัน ไม่อยากจะเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเบื้อง หน้าของตน เมื่อวานโจวเจี้ยนยังวางท่าเย่อหยิ่งอยู่เลย แล้ว ทำไมวันนี้จู่ๆถึงได้คุกเข่าขอโทษเธอได้ล่ะ?
“คุณผู้หญิงเย่ ผมมีตาหามีแววไม่ ท่านมีความเมตตากรุณา ให้โอกาสฉันสักครั้งเถอะครับ ตกลงเซ็นสัญญาทำความร่วมมือ กับตระกูลเย่เถอะครับ ผมร่างสัญญามาเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านดู ได้เลยครับ หากมีส่วนไหนไม่พอใจ สามารถบอกให้แก้ไขได้เลย ทันทีนะครับ”
เย่หยุนซูหยิบสัญญามาดูด้วยความตกตะลึง เมื่อเปิดอ่าน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งลมหายใจก็ถี่รัวตาม
ความร่วมมือเอกสิทธิ์เฉพาะบุคคลนี้ ปีหนึ่งมีมูลค่ากว่าพัน ล้าน จะยอมแบ่งผลกำไรให้ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์
เย่หยุนซูรู้สึกงงงวย เมื่อสัญญานี้มีผลบังคับใช้ก็เหมือนกับว่า บริษัทของโจวเจี้ยนตำลดแลกแจกแถม กำไรทุกเม็ดนั้นให้กับ ตระกูลเย่
โจวเจี้ยนเป็นนักธุรกิจที่ฉลาดหลักแหลม ทำไมถึงได้เซ็น สัญญาแบบนี้ล่ะ
“คุณโจว อย่าล้อเล่นกับฉันอีกเลย เอาสัญญาปลอมมาล้อเล่น กับฉันทำไม?
โจวเจี้ยนลุกขึ้นทันที พร้อมพูดเกลี้ยกล่อมว่า “คุณผู้หญิง เย่ สัญญาฉบับนี้มีผลทางกฎหมายจริงๆ นะครับท่านดูตรา ประทับบริษัทของพวกเราบนสัญญาสิครับ”
“อีกอย่าง ท่านพูดจาต้องระวังหน่อยนะครับ ท่านรู้ไหมว่าคำ พูดของท่านสามารถทำให้คนที่อยู่ข้างหลังท่านพวกนั้นทำลาย บริษัทของตระกูลโจวได้? ”
เย่หยุนซูพยายามจับใจความในสิ่งที่เขาพูด พวกคนที่อยู่ด้าน หลังเธอนั้น……..เธอไม่รู้จักบุคคลสำคัญเลยแม้แต่น้อย
เธอเหลือบมองเขียวหยางที่ยืนอยู่ด้านข้างเขียวหยางยิ้มจนเห็นฟันขาวสะอาดทั้งสองข้างของเขาเหยุน ขยิบตา น่าขำ จริงๆ ทำไมเธอถึงสงสัยเขาได้นะ
ในที่สุดเย่หยุนซูก็เซ็นสัญญาฉบับนี้ เพราะว่าสัญญาฉบับนี้ จะ ทำให้เธอได้รับการยอมรับจากท่านย่ามากขึ้น สำหรับคนคน ใหญ่คนโตนั้น สักวันก็คงจะเปิดเผยตัวตนออกมาเอง
ตอนเย็นก่อนเลิกงาน เธอก็ได้บอกข่าวนี้กับพ่อแม่ของเธอ เมื่อเย่หรูซานและหลิวฉ่ายเสียทราบเรื่อง ก็ดีใจจนพูดไม่ออก ยังไม่ทันรอให้เย่หยุนซูเลิกงาน พวกเขาทั้งสองก็มารอที่ด้าน ล่างของบริษัทแล้ว
“พ่อคะ แม่คะ ทำไมคุณพ่อคุณแม่แต่งตัวแบบนี้ล่ะ?” เมื่อเย่ หยุนซูเดินออกมาก็เห็นพ่อของเธอก็ใส่ชุดสูทดูภูมิฐาน แม่ของ เธอก็สวมใส่เสื้อผ้าที่หลายปีก่อนซื้อมาในราคากว่าหมื่นหยวน
“เด็กโง่ เรากำลังจะไปเจอคุณย่าของลูก แน่นอนก็ต้องแต่งตัว ให้โอ่อ่าหน่อย ให้ท่านดูสิว่า ตระกูลเยมีคนที่มีความสามารถตั้ง มากมาย แต่กลับไม่มีใครเจรจาทำสัญญาได้สำเร็จ แต่ลูกสาว สุดที่รักของแม่ทําสำเร็จ”
“แม่คะ จริงๆแล้วสัญญาฉบับนี้ไม่ใช่เป็นเพราะว่าลูกเจรจา สำเร็จหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะคนอื่น” เย่หยุนซูพูดขึ้นอย่าง อึดอัดใจ
“เป็นเพราะคนอื่น ใครกัน? ” หลิวฉ่ายเสียถามขึ้นด้วยความ แปลกใจ
“ลูกก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะประธานโจวไม่ยอมบอก แต่ที่แน่ๆเป็น เพราะบุคคลลี้ลับคนนั้น
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องไปสนใจ ขอเพียงแค่ไม่ใช่คนตระกูลเยเป็นคน เจรจาสำเร็จก็พอแล้ว รีบไปเถอะ พวกเราไปพบย่าของลูกกัน เถอะ” ขณะที่พูดหลิวฉ่ายเสียก็จูงมือเย่หยุนซูขึ้นนั่งบนรถ
“แม่คะ ทำไมเขียวหยางไม่มาล่ะ เขาก็เป็นสมาชิกใน
ครอบครัวเราคนหนึ่งนะคะ”
“เชอะ พูดถึงไอ้เศษสวะนั้นทำไม ลูกเป็นคนเจรจาสัญญานั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย พาไปก็มีแต่อายคน
เย่หยุนซูทำอะไรไม่ได้ จึงจำใจต้องไปคฤหาสน์ตระกูลเย่ เพียง3 คนเท่านั้น
อาหารเย็นก็รับประทานกันที่คฤหาสน์ตระกูลเยก็แล้วกัน
หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ ท่านย่าก็หยิบสัญญาขึ้น มาดูรอบแล้วรอบเล่า ไม่อยากที่จะวางลง
“ท่านย่า สัญญาฉบับนี้เป็นของจริงนะคะ เย่หยุนซูพยายามไม่ น้อยกว่าจะเจรจาสำเร็จหรูซานก็ช่วยด้วยไม่น้อยเหมือนกันค่ะ” หลิวฉ่ายเสียพูดขึ้นอย่างจงใจ
เย่กันหมิงที่ยืนอยู่ด้านหลังของเหล่าไก่จวินสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี นัก เพราะว่าพวกเขานั้นเจรจาไม่สำเร็จ แต่ยัยเด็กน้อยนี่กลับทำ สำเร็จ
เดิมทีเย่หรูซานเกือบจะถูกไล่ออกจากตระกูลเยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง ไม่น่าเชื่อเลย
“ท่านย่า ท่านดูสัญญาฉบับนี้ให้ดีๆนะคะ บางทีมันอาจจะเป็น ของปลอมก็ได้”
หลิวฉ่ายเสียเริ่มรู้สึกไม่พอใจ “เยกันหมิงทำไมคุณพูดแบบนี้ ล่ะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าสัญญาฉบับนี้เป็นของปลอม
“ พวกคุณดูเนื้อหาในสัญญาสิ มีแต่ตระกูลเที่ได้ ประโยชน์ โจวเจี้ยนไม่ใช่พ่อแท้ๆของเหยุนซูสักหน่อย มี สิทธิ์อะไรมาเซ็นสัญญาฉบับนี้ นอกเสียจากว่าสมองเขามี ปัญหา”
ท่านย่าอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า “สัญญาฉบับนี้ไม่ค่อยสมเหตุ สมผลสักเท่าไหร่ หยุนซูลูกทำยังไงถึงได้เซ็นสัญญาฉบับนี้?
เย่หยุนซูกำลังจะตอบแต่หลิวฉ่ายเสียก็แย่งพูดขึ้นเสียก่อน “ไอ้หยา ความจริงก็บอกไปแล้วไงหยุนซูของพวกเรามีวาสนา ต่อบุคคลผู้สูงศักดิ์ประธานโจวบอกแล้วว่า มีคนสำคัญคอยช่วย เขาถึงยอมเซ็นสัญญา แต่เป็นใครนั้นยังบอกไม่ได้”
หลิวฉ่ายเสียพูดขึ้นราวกับว่ารู้แล้วว่าบุคคลนั้นเป็นใคร และ ในขณะเดียวกันเย่เสี่ยวหวั่นซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ นั่ง เงียบไม่พูดไม่จา แต่จู่ๆสายตาก็เป็นประกายขึ้นมา เหมือนนึก อะไรบางอย่างออก
“อ๋อ ฉันรู้แล้วว่าเป็นใคร
คนทั้งบ้านอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หล่อน ปกติแล้วเย่เสี่ยวหวั่นเป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย แต่หล่อนชอบคลุกคลีอยู่ในกลุ่มคน ชั้นสูงของเมืองเมืองหยินโจวทำให้หล่อนคบหาสมาคมกับ เศรษฐีจํานวนไม่น้อย
หล่อนค่อยๆเดินมาด้านหน้าของท่านย่าอย่างลึกลับ หลังจาก กระซิบกับท่านย่าแล้ว เหล่าไท่จวินก็แสดงท่าที่เข้าใจในทันที “อ่อ ที่แท้เป็นเขานี่เอง นั้นก็เป็นความโชคดีของหยุนซูแล้ว”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ