กินห์ฟ้าฆาตปฐพี

บทที่ 19 ฝีมือการปรุงอาหารเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ หรือล้มเหลว



บทที่ 19 ฝีมือการปรุงอาหารเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ หรือล้มเหลว

เมื่อดาวเด่นของงานปรากฏตัวได้ดึงดูดความสนใจของทุก คนให้หันไปทันที อวิ๋นเสวีเรียนและเถาซิ่งเก๋อย่อมที่จะรวมตัวอยู่

ด้วยกันด้านหน้าสุดเป็นครั้งแรก

ในฐานะของผู้ที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองเทียนไห่ ซึ่งจื้อตงจึงเป็น คนคอยรับรองเจมส์ คาเรนเป็นการส่วนตัวด้วยตัวเอง เขายิ้ม และพูดว่า “มาสเตอร์คาเรน เพิ่งลงจากเครื่องก็ต้องนั่งรถลงเรือ เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ต้องลำบากแล้ว!”

“ผมได้เชิญหัวหน้าเชฟระดับสามดาวมิชลินมาจัดเตรียม อาหารค่ำไว้อย่างอุดมสมบูรณ์เพื่อต้อนรับมาสเตอร์คาเรน”

ชาวต่างชาติที่เป็นคนตรงไปตรงมานั้นไม่รู้ว่าการพูดจา อ้อมค้อมวกไปวนมาคืออะไร มาสเตอร์คาเรนย่อมเป็นแบบนี้ ด้วยเช่นกัน แค่เห็นเขาก็เบ้ปากทันทีและพูดอย่างไม่พอใจเล็ก น้อยว่า “พระเจ้า! ในเมืองโบราณที่มีอารยธรรมมากกว่าห้าพันปี และมีมรดกเก่าแก่ที่สุดอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง!”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารอันเลิศรสเหล่านั้นเหมือนมีคนตะกละอยู่ในท้องของผมอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเป็น เช่นนี้ ทำไมพวกคุณไม่ต้อนรับให้ผมด้วยอาหารหวาเซียอันโอชะ ที่ผมโหยหามากที่สุดล่ะ?”

ซึ่งจื้อตงถึงกับผงะและมีร่องรอยของความอับอายปรากฏอยู่ บนหน้าเขา!

เชฟมิชลินที่ผมเสียสละทุ่มเทตามหามาให้คุณ คุณไม่รู้สึก ชื่นชมมันเลยเหรอ?

แล้วคุณเองก็ไม่บอกมาก่อนล่วงหน้าว่าชอบอาหารหวาเซีย ไม่อย่างนั้นผมก็เตรียมไว้ให้เต็มโต๊ะตั้งนานแล้ว! แต่ว่าตอนนี้ ผมจะไปหาให้คุณได้ที่ไหน?

ในเวลานี้ น้ำเสียงที่มั่นใจของเถาซิ่งเอ๋อ ได้ดังขึ้น เนื่องจาก มาสเตอร์คาเรนอยากทานอาหารหวาเซีย ในฐานะเจ้าบ้าน พวก เราไม่อาจทำให้คุณต้องผิดหวังได้! ”

“คืนนี้ฉันเชิญพ่อครัวใหญ่จากหอรวมพลมาเป็นพิเศษ มาเพื่อ ทําอาหารแสนอร่อย ให้กับมาสเตอร์คาเรนด้วยตัวเองเลยนะ คะ! ”

“จริงเหรอ! งั้นก็เยี่ยมไปเลย! ”
ดวงตาของมาสเตอร์กาเรนเป็นประกาย แล้วผละออกจาก ซึ่งจ๋อตง เดินไปหาเถาซึ่งเอ่อที่ด้านหน้าแล้วจับมือขวาเธอยกขึ้น และจูบอย่างสง่างาม “คุณผู้หญิงแสนสวย คุณคือเทพธิดาที่สวย ที่สุดของผมในคืนนี้!”

เถาซึ่งเออเองก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน “เถาซึ่งเอ๋อแห่งบริษัท เถา อกรูปยินดีอย่างยิ่งที่ได้บริการคุณค่ะ!”

เมื่อเห็นว่าเถาซึ่งเอ๋อช่วงชิงความโดดเด่นไปแล้ว ในตอนนี้ อ วันเสาเรียนก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “มาสเตอร์คาเรน เพื่อเป็นการ ต้อนรับการมาถึงของคุณบริษัทมู่ซื้อกรุ๊ปเองก็ได้เชิญหัวหน้าเชฟ จากภัตตาคารเทียนหลานเกือมาเป็นพิเศษ คุณจะได้ลิ้มรส อาหารต้นตำรับและน่าพึงพอใจที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ!”

ทันใดนั้นทุกคนต่างร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ แล้วพา กันกระซิบกระซาบ

“ภัตตาคารเทียนหลานเอ๋อและหอรวมพลทั้งหมดเป็นร้าน อาหารเก่าแก่อายุนับร้อยปี สามารถเชิญพ่อครัวใหญ่ของพวก เขามาได้ ดูเหมือนว่าเถาชื่อและบริษัทมู่ซือกรูปจะมีการเตรียม ตัวมาก่อนแล้ว”

“น่าเสียดาย! ที่พวกเขาสืบรู้เรื่องนี้ได้ก่อนทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามาสเตอร์คาเรน ชื่นชอบใน การกินอาหารหวาเชีย

“เฮ้ เลิกพูดเถอะ ดูเหมือนว่าหุ้นส่วนในการร่วมมือของมาสเต อร์คาเรนคืนนี้ มันคงจะเกิดขึ้นระหว่างเกาซึ่งเอ๋อและอนเสวีเหย นแล้วล่ะ มันขึ้นอยู่กับเชฟที่พวกเธอสองคนเชิญมา อาหารที่ใคร ทำสามารถทำให้มาสเตอร์คาเรนชื่นชอบได้

ดวงตาทั้งคู่ของคาเรนเป็นประกาย แล้วพูดเสียงดังด้วย ท่าทางตื่นเต้น “พระเจ้าของข้า! สามารถลิ้มรสอาหารหวาเซีย ของเชฟใหญ่ได้ในเวลาเดียวกันสองคน ผมอดใจรอไม่ไหว แล้ว!”

“ผมเคยได้ยินชื่อทั้งบริษัทเถาชื่อกรุปและบริษัทมู่ชื่อกรุป ใน อุตสาหกรรมเครื่องประดับล้วนแต่ทรงพลังอย่างมาก! ถ้าอย่าง นั้นผมขอประกาศว่า ใครก็ตามที่สามารถทำอาหารออกมาได้ ตามแบบที่ผมชอบกิน คนนั้นจะเป็นเจ้าของต้นฉบับงานออกแบบ ที่ผมนำมาในครั้งนี้!”

ไม่ผิดเลย วิธีการร่วมมือของชาวต่างชาติ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ ทำให้ประหลาดใจและคาดไม่ถึงอยู่เสมอ แต่เมื่อพูดประโยคนี้กลับทำให้ดวงตาของเถาซึ่งเอ๋อและอวนเสเหยนเป็นประกายสว่างไสวขึ้นทันที

“คุณหนูอวิ๋น คุณแน่ใจนะว่าจะแข่งกับฉัน?” เถาชิงเอ๋อหรี่ตา มองอวิ๋นเสบู่เหยนแล้วเอ่ยขึ้น

“คุณหนูเถาได้ที่ไหนกันล่ะคะ ห้ามผู้อื่นทำ แต่พวกคุณทำได้ เท่านั้นงั้นเหรอ!”

“เพียงแค่กลัวว่าคุณจะสู้ฉันไม่ได้แล้วกลับกันในตอนท้าย เป็น คุณที่ต้องขายหน้า!”

เถาซึ่งเมื่อหยุดชะงักไปชั่วครู่ ลดสายตาลงแล้วมีประกาย หยอกล้อขึ้นมา “คุณหนูอน ฟังคำแนะนำของฉันนะ ตอนนี้ยัง ไม่สายเกินไปที่จะถอนตัว อย่าให้ถึงเวลาสุดท้ายเสียเปล่าทั้งขึ้น ล่อง!”

มาถึงตอนนี้แล้ว อวิ๋นเสบู่เหยนจะถอยได้อย่างไร เธอทำเสียง ฮึดฮัดเบาๆ “เนื่องจากคุณหนูเถามั่นใจขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็มา แข่งกันไม่ดีกว่าเหรอ?”

“ดูว่าเชฟคนไหนที่พวกเราเชิญมาจะสามารถคว้าความอยาก อาหารของมาสเตอร์คาเรนไปได้!”

กลุ่มคนค่อยๆแยกออกจากกัน แล้วมอบเวทีให้กับเถาซิ่งเอ๋อ และอวนเสวีเหยน

หลังจากนั้นชายวัยกลางคนสองคนในชุดเครื่องแบบพ่อครัว แยกกันเดินจนมาอยู่ด้านหนทางสองคน
เถาชิงเอ๋อเป็นฝ่ายเอยปากก่อน “ท่านผู้นี้คือเพิ่งไห่เชิงเฮดเชฟ เผิง เซฟใหญ่ของหอรวมพล! คืนนี้ เขาจะทุ่มเทนำเสนอแขกผู้มี เกียรติของเรามาสเตอร์คาเรนด้วยอาหารหวาเซียที่เลอค่าอย่าง แท้จริง พระกระโดดกำแพง!”

อวิ๋นเสบู่เหยนรีบพูดกับเชฟใหญ่ของภัตตาคารเรียนหลานเก่ อที่อยู่ด้านข้าง “เฮดเซฟเชีย การแพ้ชนะในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ อนาคตของบริษัท ซื้อกรุ๊ป ทุกอย่างต้องขอความกรุณาจากคุณ แล้ว!”

บนหน้าอ้วนอูมของเซี่ยหูปรากฏเป็นรอยยิ้มที่ต่างไปจากเดิม “ผู้อำนวยการอวิ๋นวางใจเถอะ อาหารหวาเซียต้องดูอาหารซาน ตง อาหารหมู่ที่เป็นอันดับหนึ่งคือลำไส้ใหญ่จิ่วฉวนตุ๋น แล้วจะ ทำให้คุณเห็นว่าผมจะทำให้เจ้าหมอนั่นของหอรวมพลกลับไป พร้อมความล้มเหลวอย่างไร!

อนเสบู่เหยนไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มของเซี่ยหูเลย และ เอาแต่ขอบคุณไม่หยุด “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนเฮดเซฟเซีย แล้ว!”

หลังจากนั้นเชฟใหญ่ทั้งสองคนได้ลงไปเตรียมอาหาร ใน ระหว่างที่คาเรนเฝ้ารอด้วยความปรารถนา หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถ เป็นอาหารสองคันถูกเข็นออกมาช้าๆ
เพิ่งไห่เชิงเป็นคนเดินเป็นออกมาก่อน เมื่อเปิดผ้าคลุมโต๊ะขึ้น ทันใดนั้น กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกค่อยๆอบอวลไปทั่วห้องจัดเลี้ยง ในชั่วพริบตา คาเรนสูดหายใจลึกด้วยความปลาบปลื้ม อดไม่ ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมว่า “พระเจ้า กลิ่นนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของ พระเจ้าโดยแท้!

“ผมไม่เคยได้กลิ่นที่หอมขนาดนี้มาก่อน!!

เถาซิ่งเอ๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ด้านหน้านี้ คือ ปลิงทะเล หอยเป๋าฮือ กุ้งก้ามกรามและอื่นๆ และอาหารทะเลนับสิบแปด ชนิด ทั้งหมดนี้พวกเราคัดสรรมาอย่างดี เสริมด้วยเห็ดหอมเกรด พิเศษและยาสมุนไพรจีนล้ำค่าสามสิบชนิด รวมทั้งโสมภูเขาที่ หัวหน้าเชฟที่ปรุงด้วยตนเอง สำหรับแขกVIP ที่มีเกียรติที่สุดของ บริษัทเถาชื่อกรุปของพวกเราเท่านั้น!

เมื่อพูดคำนี้ ผู้คนต่างปรบมือกันเกรียวกราวด้วยความชื่นชม วัตถุดิบก็เป็นวัตถุดิบที่เลอค่ามากที่สุด เชฟคือเซฟระดับท็อป ด้วยความจริงใจนี้เพียงอย่างเดียว บริษัทเถาชื่อกรุปก็ยืนอยู่บน ตาชั่งแห่งชัยชนะแล้ว!

พระกระโดดกำแพงชามหนึ่ง ได้ถูกคาเรนกลืนลงท้องไปอย่าง รวดเร็วแล้วเลียริมฝีปากพร้อมกับเบนสายตาไปยังรถเข็นอาหาร ที่อยู่ด้านข้างอวิ๋นเสเหยนโดยยังมีรสชาติอาหารค้างอยู่ที่ลำคอ “พระเจ้า นี่เป็น อาหารที่เลิศรสที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยลิ้มลองมาในชีวิตอย่าง แน่นอน!”

“ในตอนนี้อยากจะลองชิมว่าอาหารอร่อยๆ แบบไหนกันที่คุณ หนูอวิ๋นได้เตรียมไว้ให้ผม!

อวิ๋นเสบู่เหยนรีบพูดว่า “เฮดเซฟเขี่ย อาหารของพวกเราไม่มี ปัญหาใช่ไหมคะ!”

มุมปากของเซี่ยหยกขึ้น แน่นอนว่าไม่มีปัญหาครับ คุณหนูอ มอบให้คุณเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง นำเสนอกับมาสเตอร์ คาเรน เถอะครับ!”

อนเสบู่เหยนไม่มีความสงสัยในตัวเขาเลย เอื้อมมือจะยกจาน ขึ้นมา แต่กลับถูกเซี่ยงเส้าหลงคว้าข้อมือเอาไว้

“เซี่ยงเส้าหลง! คุณจับฉันไว้ทำไม!”

สายตาของเซี่ยงเส้าหลงกลับไปที่เซี่ยหูอย่างล้ำลึกแล้วเปิด ปากพูดว่า “ผมเองก็อยากรู้ว่าเฮดเชฟเซียเตรียมอาหารอร่อย อะไรไว้ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะนำเสนอให้กับมาสเตอร์คาเรน สู้ให้ ผมดูก่อนไม่ดีกว่าเหรอ!”

ขณะที่พูด เขาก็เปิดผ้าคลุมโต๊ะออก ทันใดนั้นมีกลิ่นจางๆแพร่ กระจายขึ้นมา มันคือลำไส้ของหมูที่หั่นเป็นเก้าชิ้นและที่ไม่ผ่าน การทําอะไรใดๆเลยอย่างเห็นได้ชัด!

แม้แต่รอยสกปรกบนผิวหนัง ยังสามารถมองเห็นได้อย่าง ชัดเจน!

แขกที่รายล้อมด้วยความอยากรู้ในตอนแรก พากัน กระจัดกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง

“นี่มันกลิ่นอะไร ฉันขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว!”

“ไส้หมูงั้นเหรอ? บริษัทมู่ซื้อกรุปคงไม่คิดจะหยิบสิ่งนี้มา ต้อนรับมาสเตอร์คาเรนหรอกนะ?”

ตอนนี้บริษัทมู่ชือกรุป ต้องหนาวแล้วล่ะ! กล้าเอาของที่น่า รังเกียจแบบนี้มาต้อนรับมาสเตอร์คาเรน หรือว่าบริษัท ซือกรูป ไม่รู้ว่าด้วยอิทธิพลของมาสเตอร์คาเรน ในวงการอุตสาหกรรม ขอเพียงแค่เขาพูดมาคำเดียว ความร่วมมือของแบรนด์เครื่อง ประดับกว่าครึ่งที่ทำกับบริษัทมู่ซื้อกรุปจะต้องล้มเหลวเลยนะ?”

แต่คาเรนที่ไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุอะไรยังคงทำจมูกฟุดฟิด ดมกลิ่นแล้วพูดอย่างสงสัยว่า “ทำไมถึงมีกลิ่นเหม็น? มันเป็น อาหารรสเลิศเหมือนเต้าหู้เหม็นอย่างนั้นเหรอ?”

เมื่อได้ฟังเสียงเย้ยหยันอย่างสะใจของทุกคนแล้ว ใบหน้าขอ งอวิ๋นเสบู่เหยนก็ขาวซีดแล้วมองไปที่เซี่ยหูอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ เฮด……เฮดเซฟเซียทําไมคุณถึงทำแบบนี้ล่ะคะ?”

“ทำไมงั้นเหรอ? คุณคิดว่าทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ จะไม่มีใครรู้ เรื่องงานอดิเรกของมาสเตอร์คาเรน ด้วยแวดวงเพื่อนฝูงที่คับ แคบของคุณจะสามารถสอบถามมาได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เลย งั้นสิ?”

เถาซึ่งเมื่อเดินเข้ามาช้าๆ บนหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

ของผู้ชนะ

“เป็น…..เป็นคุณงั้นเหรอ?”

อนเสวีเหยนคิดได้ในทันที

“แน่นอนว่าต้องเป็นฉัน! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันแพร่กระจายข่าว ออกไป คุณจะไปขอความช่วยเหลือจากเฮดเซฟเซี่ยงั้นเหรอ? ถ้า ไม่ใช่เพราะฉันเตรียมการไว้ล่วงหน้า คุณคิดจริงๆเหรอว่า ด้วย ผลประโยชน์เล็กน้อยขนาดนั้นจะสามารถทำให้หัวหน้าพ่อครัว ของภัตตาคารเทียนหลานเกือมาให้บริการคุณได้!

“อวิ๋นเสวีเหยน จะสู้กับฉัน คุณยังอ่อนหัดเกินไป!”

“เฮดเชฟเซีย ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ ทำไมคุณถึงทำร้ายฉันถึง เพียงนี้ล่ะ?”

บนหน้าของเซี่ยหูไม่เพียงแต่ไม่มีร่องรอยของความละอายใจ ตรงกันข้ามยังพูดอย่างเยือกเย็นว่า”คุณหนูอน ใช้คําพูดผิดไปแล้ว คุณไม่เคยเป็นนายจ้างของผม เลย!”

เถาซิ่งเอ๋อปิดจมูกแล้วเดินเข้าไปหาอนเสบู่เหยนพร้อมกับ จงใจพูดว่า “ผู้อำนวยการอวิ๋น รออะไรอยู่เหรอมาสเตอร์คาเร นกำลังรอให้คุณเตรียมอาหารอร่อยๆ ให้เขาอย่างละเอียดและ ประณีตอยู่นะ!”

อนเสบู่เหยนก้มหน้าลง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีเทา ไม่ว่าจะยก อาหารจานนี้ขึ้นไปเสิร์ฟหรือไม่บริษัทซื้อกรุปถึงคราวจะต้องล้ม เหลวแล้ว!

ในช่วงเวลานี้เอง มีเสียงที่ราบเรียบดังขึ้น “พระกระโดด กําแพงของเฮดเชฟเผิงนั้นรสชาติอร่อยก็จริง แต่เมื่อเทียบกับสิ่ง ที่บริษัท ซือกรูป ของพวกเราได้จัดเตรียมมาก็เป็นแค่ความต่าง ระหว่างดวงจันทร์กับฝุ่นผงเท่านั้น ไม่น่าพูดถึงเลยสักนิด!”

เมื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องต่างตกใจ เถาซิ่งเอ๋อจึงเหลือบมองเขาที่ พูดเกินจริงแล้วยิ้มอย่างดูถูกเหยียดหยาม “คุณเซี่ยงในเวลาเช่น นี้ คุณเอาคำพูดที่มั่นใจแบบนี้มาจากที่ไหน?”

“ทั่วทั้งเมืองเทียนไห่ เชฟที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็นของภัตตาคาร เทียนหลานเอ๋อและหอรวมพล ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ล้วนอยู่ที่นี่ คุณ ยังจะเอาอะไรมาต่อสู้กับฉัน?”
“โดยการพึ่งไส้หมูหมักจานนี้น่ะเหรอ?”

เซี่ยงเส้าหลงกลับมีสีหน้าที่สงบนิ่งแล้วเทใส้หมูทิ้งไปก่อนจะ พูดอย่างไม่แยแสว่า “เชฟที่บริษัท ซื้อกรุปเชิญมาไม่ใช่ ภัตตาคารเทียนหลานเอ๋อ นะครับ เพื่อแสดงความจริงใจต่อแขก ผู้มีเกียรติผู้อำนวยการอนจึงได้ออกหน้าด้วยตนเองและทำการ เชิญเทพเซียนครัวมาเป็นพ่อครัวทำอาหารให้กับมาสเตอร์คา เรน เป็นพิเศษ!

เมื่อพูดจบ ทั่วทั้งห้องเงียบกริบ จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ ออกมาดังลั่น!

“เขาบ้าไปแล้วหรือไง? ถึงได้กล้าพูดว่าเชิญเทพเซียนครัวออก มา?”

“เทพเซียนครัวเคยเป็นเชฟชั้นยอดเพียงหนึ่งเดียวที่เคยจัด งานเลี้ยงระดับประเทศให้กับผู้ที่มีอำนาจสูงสุด เป็นบุคคลระดับ สมบัติของชาติ เชฟชื่อดังทั่วทั้งภาคเหนือ เมื่อได้พบกับเทพ เซียนครัว ไม่มีใครไม่เรียกเขาว่าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพ แล้วตัวเขาคู่ควรที่จะเชิญเทพเซียนครัวมาได้งั้นเหรอ?”

“ถูกแล้ว! นอกจากนี้เทพเซียนครัวได้ออกจากวงการไปสิบปี แล้ว ปีที่แล้วในวันเกิดครบรอบอายุแปดสิบปีคุณแม่ของเจ้า เมือง ไม่ว่าจะเชิญหรือกราบกราบเท่าไหร่ก็เชิญเทพเซียนครัวมาไม่ได้ แล้วเขาเป็นตัวอะไร?”

ได้ยินคําพูดเย้ยหยันของทุกคนแล้ว บนหน้าของเราซึ่งเอ๋อ เต็มเปี่ยมไปด้วยการเยาะเย้ย “เดิมที่คิดว่าคุณยังเป็นบุคคลหนึ่ง แต่ตอนนี้เมื่อมองดูแล้วก็เป็นเพียงแค่ความเก่งกาจที่คุยโม้ โอ้อวดทำให้ฉันได้เห็นอะไรแปลกใหม่

และเซี่ยหูก็พูดจาเย้ยหยันเช่นกัน “ที่แท้ผู้อำนวยการอน หน้าใหญ่ขนาดนี้เอง ในเมื่อสามารถเทพเซียนครัวมาได้ แล้ว ทำไมตอนนั้นถึงต้องอ้อนวอนให้ผมช่วยอย่างนอบน้อมด้วยล่ะ?”

เซี่ยงเส้าหลงเบนสายตาไปทางเขา “เพราะเดิมทีคิดว่าฝีมือ ของเฮดเชฟเซี่ยเพียงพอแล้วที่จะบดขยี้หอรวมพล คิดไม่ถึงเลย ว่าจะมองผิดไป อาศัยบุคลิกลักษณะที่ย่ำแย่ของคุณ ฝีมือการทำ อาหารนี้น่ากลัวว่าจะเป็นแค่ระดับทำที่บ้านก็แย่แล้ว

“ใช่แล้วล่ะ ผมจะแก้ไขคำพูดที่คุณใช้ให้ถูกต้องอีกครั้ง พวก เราไม่ได้อ้อนวอนเลย มันคือการกุศล การกุศลที่เปิดโอกาสให้ คุณได้เข้าไปข้างใน เป็นโอกาสที่จะได้แสดงต่อหน้าทุกคน แต่ น่าเสียดาย ที่คุณไม่ได้รักษามันไว้!”
“You! ……”

ในแววตาของเซี่ยหูเป็นประกายที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ทักษะการทําอาหารของผมจะสูงหรือต่ำ คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะ มาวิพากษ์วิจารณ์ได้!”

“ผมไม่มีคุณสมบัติ งั้นถ้าเป็นเทพเซียนครัวล่ะ?”

“ฮี! คุณนี่มันไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ ถ้าคุณเชิญเทพ เซียนครัวมาได้จริงๆ ผมจะเก็บมีดแล้วขออภัยต่อหน้าทุกคน จากนั้นจะไม่เป็นเซฟอีกต่อไป!”

“เยี่ยม!”

เซี่ยงเส้าหลงยิ้มที่มุมปาก แล้วยื่นโทรศัพท์ของตนเองให้กับอ วันเสาเรียนที่มีสีหน้ามึนงงแล้วกระซิบ “เหยนเรียน ยังรออะไร อยู่ล่ะ เทพเซียนครัวรอสายจากคุณอยู่นะ!”

อวิ๋นเสบู่เหยนกัดฟันแล้วพูดเสียงต่ำว่า “เซี่ยงเส้าหลง คุณทำ

อะไรอีก!” “บุคคลเช่นเทพเซียนครัว ฉันจะไปรู้จักได้ยังไง? แล้วยังจะ

เชิญชายชรา ให้ออกมาได้ยังไง?”

“คุณไม่โทรแล้วจะรู้ยังไงว่าเชิญได้หรือเปล่า?”

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มั่นใจบนหน้าของเซี่ยงเส้าหลงแล้ว อวิ๋นเสวีเหยนก็ตั้งสติ มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ ทำให้ถึงที่สุด เชื่อใจเขาสักครั้ง!

รับโทรศัพท์มาแล้วก็กดโทรออกไปยังหมายเลขที่ป้อนไว้นาน แล้ว!

เสียงกริ่งดังอยู่สามครั้ง หลังจากโทรติดแล้ว อวิ๋นเสาเรียนมี สีหน้ากระวนกระวายแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ขอโทษนะคะ คุณคือเทพเซียนครัวหรือเปล่าคะ?

อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เกิดความเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นมี เสียงหัวเราะที่กระจ่างใสดังขึ้น ผู้อำนวยการอวิ๋น ผมรอสาย คุณอยู่ที่ปากประตู จนจวนเจียนจะหลับอยู่แล้วนะ!!

เมื่อเสียงนั้นจบลง ทั้งห้องโถงก็เงียบกริบ!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ