กินห์ฟ้าฆาตปฐพี

บทที่ 17 การเผชิญหน้าของสองเทพธิดา



บทที่ 17 การเผชิญหน้าของสองเทพธิดา

เกิดความเงียบงันขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ได้ ระเบิดขึ้น

สวีอีเจียวหัวเราะจนตัวโยน พร้อมกับชี้ไปที่เซี่ยงเส้าหลงแล้ว พูดว่าอนเสบู่เหยน ว่า “อนเสวีเรียน คนที่เธอมาด้วยคงไม่ใช่ อีตาโง่คนนี้หรอกใช่ไหม?”

“บอกว่าพวกเราเป็นคนชั้นต่ำกว่างั้นเหรอ?”

“คุณรู้ไหมว่าสามีของฉันเป็นใคร? พูดออกไปแล้วคุณจะ ตกใจตาย!” สวีเจียวชี้ไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างภาคภูมิใจ

“นี่คือ ประธานของบริษัทจงโจวกรุปที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งร้อย

ล้านหยวน เป็นมหาเศรษฐีที่ของเมืองเทียนไห

เซี่ยงเส้าหลงเอียงหัวแล้วชี้ไปที่สวีเจียว “แล้วคุณคือ….. สามีมาเป็นพ่องั้นเหรอ?”

“โอ๊ยไม่ใช่ คือหาคนแก่คราวพ่อมาเป็นสามีใช่ไหม?”

อุ๊บส์!

อนเสบู่เหยนที่ยืนอยู่ข้างๆกลั้นไว้ไม่ไหวจึงหัวเราะออกมา โดยตรง ใบหน้าของสวีอีเจียวเดิมที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วมองคนทั้งสองด้วยท่าทางสัพยอกแต่สายตานั้นมืดมน “อนเสาเหยน ฉันรู้ว่าเธอกำลัง

อิจฉาฉัน”

“เศรษฐีอย่างพวกเรา คนระดับล่างอย่างพวกเธอจะสามารถ

จินตนาการถึงได้ยังไง?

“ผมว่า ต้องเป็นใครสักคนที่ปลูกฝังความคิดนี้ให้กับคุณ แบบ นี้ก็เรียกว่าเศรษฐีแล้วเหรอ? แล้วใครสร้างภาพลวงตาให้กับคุณ ถึงทำให้คุณเกิดความรู้สึกเหนือชั้นที่ไร้สาระนี้ได้?”

“คุณ! …..”

“ไม่ว่าคุณจะพูดยังไงก็ตาม พวกเรากำลังจะอยู่ในหมู่แวดวง สังคมชั้นสูงที่สุดของเมืองเทียนไห่ แต่พวกคุณน่ะ เหมาะสมที่จะ อิจฉาอยู่ที่ปากประตูเท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะก้าวเข้าประตู นี้ไปด้วยซ้ำา!”

“แล้วถ้าพวกเราเข้าไปได้ล่ะ?”

“พวกคุณน่ะเหรอ?”

สวีอีเจียวเหลือบมองพวกเขาอย่างดูถูก “ถ้าพวกคุณเข้าไปได้

ฉันสวีเจียวจะคลานออกมา!

“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณสามารถเริ่มการแสดงตอนนี้ได้เลย!”

ทันใดนั้นมีน้ำเสียงหยอกล้อดังขึ้น ไม่รู้ว่ามีชายกลางคนเดิน ออกมาจากห้องจัดเลี้ยงตอนไหน

หูเจี้ยนจวนชายแก่ที่ยืนอยู่ข้างๆสวีเจียว ตกตะลึงโดยฉับพลัน แล้วใบหน้ากระบายไปด้วยรอยยิ้มทันทีทันใด และเดินขึ้น มาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “ประธานซึ่ง? คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบ คุณที่นี่ ก่อนหน้านี้ผมไปเยี่ยมที่บริษัทคุณหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มี วาสนาได้พบคุณเลย!”

ซึ่งจื้องไม่มองมือของหูเจี้ยนจวินที่ยื่นให้เลย แต่กลับเป็น ฝ่ายยื่นมือไปหาเซี่ยงเส้าหลงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเชียง เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณมา ทำไมถึงไม่บอกล่วงหน้าสักคำ ยังดี ที่ให้กระผมไปต้อนรับที่ประตูก่อนหน้านี้แล้ว!

รอยยิ้มของหูเจี้ยนจวินค้างอยู่บนใบหน้าทันที

เซี่ยงเส้าหลงยิ้มกว้าง “เดิมทีมีบัตรเชิญด้วย แต่ไม่ระวังเลย หาไม่เจอแล้ว ดังนั้น ผมจึงทำได้แค่รบกวนให้คุณมาพบที่ประตู ด้วยตนเองเท่านั้น

“เหอๆ บัตรเชิญน่ะมีไว้สำหรับดูแลหน้าตาของคนธรรมดา เท่านั้นเอง คุณเซี่ยงมาด้วยตัวเองทั้งที จะต้องใช้บัตรเชิญอีก ทำไม!”

เมื่อได้ยินคำนี้ สวีอีเจียวก็ไม่มีความสุขแล้ว เธอมุ่ยปาก “นี่ๆ คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง!

“คนธรรมดาคืออะไรกัน?”

“พวกเราคือคนธรรมดางั้นเหรอ?”

“คนที่ใส่ชุดเหมือนสุนัขกระตือรือร้นกับคนบ้านนอกขนาดนี้ คุณว่าน่าจะเป็นบริกรที่อยู่ข้างในหรือเปล่า?”
เพียะ!

หูเงี่ยนจนยกมือลอยหวือตบลงไปบนหน้า แล้วตะโกนเสียง ดัง “เธอหุบปากเลยนะ!”

“รู้หรือเปล่าว่าคนตรงหน้านี้คือใคร?”

“นี่คือคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเทียนไห่ ท่านประธานซึ่งแห่งบ ริษัทจื้อตงกรุป!

สวีเจียวยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ทันที คนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเทียน ไห่ มหาเศรษฐีที่มีสินทรัพย์มากกว่าแสนล้าน สามีที่แสนภาค ภูมิใจของตนเองเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว มันเป็นความแตกต่าง ของดวงจันทร์สุกสกาวกับฝุ่นผง

แต่บุคคลที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งเช่นนี้จะไม่ดูถูกและกระตือรือร้น กับคนบ้านนอกขนาดนี้ได้ยังไง?

สายตาของซงจื้อองค่อยๆจมลงไปช้าๆแล้วมองไปที่ใบหน้า ชุ่มเหงื่อของหูเจี้ยนจวินและขมวดคิ้ว “นี่คือผู้หญิงของคุณงั้นเห รอ?”

“ไม่ครับ! ไม่ใช่!

หูเจี้ยนจวินรีบหลีกเลี่ยงสวีเจียวและเอ่ยปฏิเสธ “ผมไม่รู้จัก เธอ! ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลยนะครับ!”

สวีเจียวตกตะลึงทันที ผู้ชายที่ใช้คำพูดไพเราะและแสนหวาน กับเธอในวันธรรมดา ตอนนี้สายตาที่มองที่ตนเองเหมือนกับมอง คนแปลกหน้าคนหนึ่ง เต็มไปด้วยความเฉยเมย
งจ๋อตงพูดอย่างเฉยชาว่า “รปภ. ทำงานยังไง หมาแมว ที่ไหนก็ปล่อยให้เข้ามาได้?

“ใครก็ได้! มาไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปที

“เดี๋ยวก่อนครับ”

เซี่ยงเส้าหลงเอ่ยปากพูด แล้วเดินช้าๆไปยังด้านหน้าของสวี เจียว เมื่อมองดู ใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอแล้ว มุมปากก็ยกขึ้น เล็กน้อย “ผมไม่มีบัตรเชิญ ก็เข้าไปไม่ได้ใช่ไหม?”

สวีเจียวอ้าปากค้าง พูดไม่ออก

คนที่รวยที่สุดของเมืองเทียนไฟมาเชิญด้วยตัวเอง ใครจะยัง กล้าขอบัตรเชิญอีกล่ะ?

“คุณมีบัตรเชิญแล้วตอนนี้เข้าไปได้หรือเปล่า?”

บนหน้าของเธอเจ็บปวดอย่างปวดแสบปวดร้อน ความรู้สึกว่า บัตรเชิญ ในมือที่เธอถือว่าเป็นความรุ่งโรจน์ เวลานี้เป็นแค่ กระดาษแผ่นหนึ่งที่หล่นลงไปในห้องน้ำ น่าขยะแขยงที่สุด!

เขาหันหลังเดินจากไปพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ เป็นการเยาะเย้ย แบบไร้เสียง มันแหลมคมยิ่งกว่าคำว่าเสียอีก

ในตอนที่สวีอีเจียวกำลังจะจากไปอย่างหมดสิ้นความหวัง เสียงของเซี่ยงเส้าหลงดังขึ้นอีกครั้ง “ผมจำได้ว่า คุณเพิ่งจะพูด ว่าถ้าพวกเราสามารถเข้าไปได้คุณจะคลานออกมาจากประตูใช่ ไหม?”
สวีอีเจียวเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เธอเสียหน้าต่อ หน้าคู่ต่อสู้ในอดีตของเธอเรียบร้อยแล้ว เดิมทีเธอคิดว่าตนเอง คือคนที่อยู่สูงกว่า แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองเป็นเพียงแค่ตัวตลก กระโดดไปมา ถ้าหากต้องคลานออกไปต่อหน้าคนเยอะแยะ ขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้ว สวีเจียวก็จะถูกลดขนาดจนเหลือเพียง แค่ตัวตลกในแวดวงสังคมของเมืองเทียนให

“ใช่แล้วล่ะ เมื่อสักครู่นี้ผมก็ได้ยิน

ซ่งจื้อตงพูดเสียงก้องว่า “ แต่ทว่า ดูเหมือนหญิงสาวท่านนี้ ไม่มีเจตนาที่จะทำตามสัญญาเลย คนนั้นน่ะ…..คุณน่ะ! ใช่แล้ว คุณนั่นแหละ คุณมาทำอะไรล่ะ ทำไมไม่ช่วยหญิงสาวท่านนี้ ให้ ทำตามสัญญาที่เธอได้พูดเอาไว้ล่ะ!”

เมื่อหูเจี้ยนจนได้ยิน ก็เกิดความยินดีขึ้นทันที เขารีบวิ่งเข้าไป ดึงผมของสวีเจียวแล้วเตะเธอล้มลงไปบนพื้น โดยไม่มีความ ลังเลแม้แต่น้อย แล้วขู่บังคับอย่างโหดร้าย “แกหูหนวกไปแล้ว หรือไง?! ท่านประธานซึ่งบอกให้แกคลานออกไป ไม่ได้ยินใช่ ไหม?”

“ออกไปเลยนะ! ไป! ไม่อย่างนั้นจะตีแกให้ตายไปเลยนั่ง สารเลว!”

มองเห็นใบหน้าที่แต่งหน้าแล้วกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นของสวี อีเจียวแล้วถูกหูเจี้ยนจวินดึงผมเหมือนจูงสุนัขออกไป เซี่ยงเส้า หลงไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย กรรมใดที่ก่อไว้ย่อม ต้องสนองคืน เพราะคำพูดที่เลวทรามของสวีเจียวเมื่อสักครู่นี้สิ่งเหล่านี้ คือบทลงโทษที่เธอสมควรได้รับ

หลังจากที่ลากสวีเจียวออกไปจากโรงแรมแล้ว หูเจี้ยนจวินก็ วิ่งเข้ามาเหมือนสุนัขตัวหนึ่งแล้วยิ้มอย่างประจบประแจง “ประธานช่ง นั่งสารเลวคนนั้น ผมแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว คุณ พอใจหรือเปล่าครับ?”

ข่งจื้อคงไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขา เขาโบกมือให้กับเซี่ยงเส้า หลงและเอ่ยพร้อมกับยิ้มว่า “คุณเซี่ยง เชิญด้านใน

เซี่ยงเส้าหลงจับมือของอวิ๋นเสาเรียนแล้วก้าวเท้ายาวๆเข้าไป บนหน้าของหูเจี้ยนจนไม่มีความกระดากอายเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่เขายกเท้าจะเดินตามไป เซี่ยงเส้าหลงก็ชะงักไปชั่วขณะ แล้วหันหน้ากลับมาเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า “ประธาน ง ครับ เดียรัจฉานนี้เข้าไปได้ด้วยเหรอครับ?”

เพราะสวีเจียว ทำให้เซี่ยงเส้าหลงดูถูกหูเจี้ยนจนมากขึ้น เพื่อที่จะประจบซ่งจื้อตงก็สามารถโยนทิ้งผู้หญิงของตนเองได้ ตามต้องการราวกับเป็นตุ๊กตา ประกอบกับการดูถูกอวิ๋นเสบู่เหย น ก่อนหน้านี้ เซี่ยงเส้าหลงย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไปเป็นแน่

ซึ่งจื้องพยักหน้าอย่างสงบ “คุณเซี่ยงพูดถูก แน่นอนว่า เดียรัจฉานไม่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงของมนุษย์ได้!”

“ใครก็ได้ มาโยนเดียรัจฉานตัวนี้ออกไปที

“ใช่แล้วล่ะ บริษัทจงโจวกรุปอะไรนั่น พรุ่งนี้ ผมไม่อยากเห็น ชื่อที่เต็มไปด้วยพิษร้ายนี้ปรากฏอยู่ในเมืองเทียนได้อีก!
“อย่านะครับ! ท่านประธาน ง คุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ ครับ! คุณไม่สามารถ!

ชายร่างใหญ่สองคนถูกจับแขนเอาไว้คนละข้าง ไม่ว่าเขาจะ ตะโกนด้วยเสียงที่เศร้าโศกขนาดนั้น เขาก็ยังคงถูกโยนออกไป ด้านนอกประตูโดยไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย

ภายในห้องจัดเลี้ยงเวลานี้ มีคนอยู่จำนวนไม่น้อย ทุกคนล้วน แล้วแต่เป็นคนที่มีชื่อเสียงของเมือง เมืองเทียนในต่างรู้จักคุ้น เคยซึ่งกันและกันไม่มากก็น้อย รวมกันเป็นกลุ่มละสองสามคน พูดคุยถามไถ่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ในชีวิต ซึ่งจื้องยิ้มอย่างขออภัย ต่อเซี่ยงเส้าหลง “คุณเซี่ยง ผมมีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ คุณใช้เวลาตรงนี้สักครู่ เมื่อผมจัดการเรียบร้อยแล้ว จะดื่มเป็น เพื่อนคูณสองแก้ว!”

เมื่อซงจื้องจากไปแล้ว อวิ๋นเสาเหยนอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณรู้จักคนที่รวยที่สุดในเมืองได้ยังไงคะ?”

เซี่ยงเส้าหลงหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วทำปากกา “ใครบ้างที จะไม่รู้จักเพื่อนรวยๆสักคนหรือสองคน!

มองเห็นเขาพูดอย่างสบายๆไม่ใส่ใจแล้ว อวิ๋นเสบู่เหยนอยาก จะกัดเขาจนแทบทนไม่ไหว เสแสร้งเกินไปแล้ว นั่นคือเพื่อน คนรวยธรรมดาๆหรือไง? นั่นคือคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเทียน ไห่เลยนะ เป็นมหาเศรษฐีหลายแสนล้าน เป็นบุคคลที่ยืนอยู่บน ยอดสูงสุดของปิรามิดทองคำแห่งเมืองเทียนไห

เมื่อเธอกำลังเตรียมจะบีบให้รับสารภาพด้วยคำพูด ร่างที่อ่อนหวานแช่มช้อยร่างหนึ่งได้เดินเข้ามาช้าๆ ทั้งบุคลิกภาพและ รูปลักษณ์ นับว่างามเหนือกว่าทุกคนในแผ่นดิน ใส่ชุดราตรีสีต่า และท่วงท่าการเดินที่ราวกับหงส์ค่า งามสง่า ในระหว่างทุกๆ อากัปกิริยามีความสง่างามและสูงส่ง เมื่อหญิงสาวเดินมาถึงตรง หน้าของอวิ๋นเสว่เหยน เธอได้ชะงักฝีเท้าลง ในตอนที่ร่างของ สองสาวงามล่มเมืองยืนเคียงข้างกัน ภายในห้องจัดเลี้ยง ผู้ชาย จำนวนนับไม่ถ้วนต่างพากันกลืนน้ำลาย โดยมิได้นัดหมายกันมา ก่อนย่างเห็นได้ชัด

“ไม่รู้เลยจริงๆว่า บริษัท ซื้อกรุ๊ปเย่อหยิ่งจองหองหรือว่า มั่นใจมากไป ให้คุณเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ สําคัญเช่นนี้!”

หญิงสาวยกแก้วไวน์ของเธอขึ้น สายตามีร่องรอยของความ หยิ่งยโส “เปรียบเทียบจากสถานะของตัวคุณแล้ว คุณถูกถล่ม อย่างสาดเสียเทเสียจนพ่ายแพ้ไปเรียบร้อยแล้วล่ะ อวิ๋นเสาเรียน ผู้อำนวยการอวิ๋น!”

เผชิญหน้ากับการยั่วยุของหญิงสาวแล้ว อารมณ์ของอวิ๋นเส เหยนได้เปลี่ยนไป ทันใดนั้น ออร่าของเทพธิดาที่มีความเย็น สดชื่นได้กระจายออกจากตัวเธอ

อนเสบู่เหยนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจากโต๊ะแล้วชนกับแก้วไวน์ ของหญิงสาวเบาๆ “จะเป็นที่โปรดปรานของมาสเตอร์คาเรนหรือ ไม่ก็ดูจะไม่เกี่ยวอะไรกับสถานะเลยนะ”

“ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่แห่งบริษัทเถาชื่อกรุปจะออกโรงด้วยตัวเอง แต่ใครจะเป็นผู้ชนะก็ยังไม่มีใครรู้

สองคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดในครั้งนี้คือ หนึ่งคืออวนเสเรียน ตัวแทนของบริษัท ซือกรุป และอีกหนึ่งกลุ่มคือบริษัทเถาชื่อกรูป ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าบริษัท ชื่อกรุปเลย ในอุตสาหกรรมเครื่อง ประดับ และตัวแทนของเถาชื่อที่ร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในคืนนี้ก็ คือคุณหนูใหญ่แห่งบริษัทเถาชื่อกรุปหรือที่รู้จักกันในนาม เทพธิดาแห่งอัญมณี ชื่อว่าเถาซิ่งเอ๋อ!

ทั้งสองคนยังมีสถานะเหมือนกัน นั่นคือหนึ่งในสิบสาวงาม ของเมืองเทียนให

การเผชิญหน้าของสองเทพธิดา การแข่งขันกันระหว่างอาชีพ และความงาม ได้ถูกกำหนดไว้แล้วในคืนนี้และเป็นการแข่งขันที่ ไม่ธรรมดา!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ