การโต้กลับของแพทย์เจ้าหญิงอัจฉริยะ

ตอนที่ 4 องค์หญิงม่าย (4)



ตอนที่ 4 องค์หญิงม่าย (4)

“ได้” เชิงเทียนอวี้ดีใจ จนไม่สนใจที่หลิวหรงพูดขัดเมื่อ สักครู่ เขารีบสั่งการออกไป “ใครก็ได้ รีบไปบอกห้องเครื่องให้ ทำข้าวต้มมาให้ชิงเอ๋อร์ด้วย

สีหน้าของหลิวทรงเลื่อนลงไปนิด มือของนาง ผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น “ฝ่าบาท แล้วขาหมูที่หม่อมฉันเตรียมไว้ให้ ชิงเอ๋อ….

“ทรงกุ้ยเฟย” ใบหน้าอันงดงามของเฟิงเทียนอวี้เริ่มดูไร้ อารมณ์ น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก “เจ้าไม่ได้ยินที่ชิงเอ๋อร์ พูดหรือ ตอนนี้นางอยากกินแต่ข้าวต้ม เจ้าต้องการอะไรกันแน่”

ในใจของหลิวหรงยิ่งรู้สึกสับสนกระวนกระวาย นางรู้สึก ว่าตั้งแต่เฟิงหรูชิงฟื้นขึ้นมาก็ดูคล้ายกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นางคนเดิม ถ้าฮ่องเต้สั่งให้งดของคาว นางก็จะร้องไห้ โวยวาย แต่มาคราวนี้ นางกลับเชื่อฟังฮ่องเต้

“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วเพคะ หม่อมฉันก็แค่ ก็แค่สงสารชิง เอ๋อร์เท่านั้น”

“ทรงกุ้ยเฟย เจ้าชักจะล้ำเส้นแล้วนะ!” เชิงเทียนอวีสีหน้า ไร้อารมณ์ พูดเร็วและรุนแรงดุจกระบี่ ช่วงนี้ เจ้าไม่ต้องมาดูชิง เอ๋อร์แล้วนะ”

เดิมทีทรงกุ้ยเฟยดูขัดหูขัดตาฮ่องเต้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ซิงเอ อร์คอยปกป้องนาง นางไม่มีทางได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพระ พักตร์อย่างแน่นอน

“ฝ่าบาทเพคะ” หลิวหรงแหงนหน้าอันงดงามขึ้น ใบหน้า เล็กๆ ที่ดูหวาดผวาและทำอะไรไม่ถูกช่างงดงามน่าหลงใหล

แม้นางจะอายุเกินสามสิบแล้ว แต่ใบหน้ายังงดงาม เหมือนเก่า หน้าตาของนางยังดูงดงามแม้จะเข้าสู่วัยกลางคน แล้ว

แต่จะทำอย่างไร เมื่อใบหน้านี้ไม่ได้ทำให้เฟิงเทียนอ หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เขายังคงปลอบประโลมเฟิงหรูชิงต่อ ไปโดยไม่สนสิ่งใด
“ซิงเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งฟื้น พ่อกลัวว่าทรงกุ้ยเฟยจะให้เจ้ากินขอ งมันๆ พวกนั้นอีก ดังนั้นช่วงนี้ พ่อจะไม่ให้นางมาหาเจ้าอีก ดี หรือไม่”

ทันใดนั้น สายตาอันลนลานของหลวทรงก็เปลี่ยนเป้า หมายมาที่เพิ่งหรูชิง นางกัดเม้มริมฝีปากแน่น แววตา แสดงออกถึงความกังวล

ท่ามกลางแววตาอันวิตกของหลิวหรง เพิ่งหรูชิงยิ้มออก มาอย่างกะทันหัน เสียงของนางแหบแห้ง มีเพียงคำๆ เดียวที่ ดังออกมาจากลำคอ “ดีเพคะ”

เพิ่งหรูชิง ในสมัยก่อนนั้นแสนโง่เง่า เพื่อทรงกุ้ยเฟยผู้นี้ นางทำให้ผู้คนมากมายต้องผิดหวัง แม้แต่บรรดาญาติทางฝั่ง น่าหลานฮองเฮาก็ถูกนางทำลายความรู้สึกเสียยับเยิน

เพิ่งหรูชิงในตอนนี้ จะยอมให้ทรงกุ้ยเฟยเล่นงานจนหัว

ปีนต่อไปได้อย่างไร

เสด็จพ่อไม่อนุญาตให้ทรงกุ้ยเฟยมาเยี่ยมนางตรงกับที่ นางต้องการพอดี เพราะนางเองก็ไม่อยากให้วันๆ มีแต่คนมาร บกวน

“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ” ขณะนั้น องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้า ประตูมาอย่างรีบร้อน นั่งท่าคุกเข่าข้างเดียวด้วยท่าที่เคารพยิ่ง

“มีเรื่องอะไร” เชิงเทียนอปราดตามองด้วยสายตาเรียบ เฉยแล้วเอ่ยถาม
“ทูลฝ่าบาท คุณชายหลิ่วกับคุณหนูถานมาคุกเข่าอยู่ที่ ห้องทรงพระอักษรได้หนึ่งชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“!” เชิงเทียนอวี่ส่งเสียงอย่างเย็นชา “ให้พวกเขาสองคน คุกเข่าต่อไปเถอะ! คุกเข่าจนกว่าซิงเอ๋อร์จะยอมให้อภัยพวก เขา!”

ถ้าไม่เป็นเพราะสองคนนี้ ซึ่งเอ๋อร์คงไม่ต้องเกือบจะจาก เขาไปแบบนี้ เขาไม่สั่งการให้ประหารไปเสียแต่แรก ก็นับว่า เห็นแก่หน้าของเสนาบดีกับไทฟูแล้ว ตอนนี้ปล่อยให้พวกเขา คุกเข่าไปจนกว่าชิงเอ๋อร์จะยอมอภัยก็แค่นั้นเอง

โชคดีที่บัดนี้ซิงเอ๋อร์ฟื้นแล้ว ไม่อย่างนั้น ต่อให้พวกเขา คุกเข่าไปจนถึงกาลฟ้าดินแตกสลาย ฮ่องเต้คงไม่มีทางปล่อย พวกเขาไปแน่

“เสด็จพ่อ” เพิ่งหรูชิงตกตะลึงแล้วถามต่อไปว่า “หลิ่วเฉิ

นกับถ่านช่วงซวงมาแล้ว ใช่หรือไม่เพคะ”

“ชิงเอ๋อร์ หลิ่วอเงินท่าตามอำเภอใจกับเจ้าเกินไปแล้ว ต่อให้ต้องคุกเข่าหลายวันหลายคืน ก็เป็นเพราะเขาหาเรื่องเอง เจ้าไม่ต้องไปสงสาร

เฟิงเทียนอวี้หมวดคิ้วเบาๆ เขากลัวว่าเพิ่งหรูชิงจะใจอ่อน จึงพูดโน้มน้าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ชิงเอ๋อร์เป็นลูกสาวที่เขารัก ที่สุด เขาจึงยกชิงเอ๋อร์ให้กับหลิ่วอเฉิน แต่ดูซิว่าหลิวอวี้เฉิ นทำอะไรกับนางไว้ ไม่เพียงแต่ปล่อยให้นางเฝ้าเรือนหออยู่ เพียงลำพัง ทั้งยังบีบให้ลูกสาวสุดที่รักของฮ่องเต้ต้องตายด้วยท่าที่เย็นชา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ