กระชากรักคุณชายเย็นชา

กระชากรักคุณชายเย็นชา 4 (1)



กระชากรักคุณชายเย็นชา 4 (1)

บีม

“ไอ้บีมมึงเป็นไรวะ” ไอ้มาร์คถามผม ตอนนี้ผมอยู่ที่ผับ ผับที่เป็นกิจการของตัวเอง โดยมีผมเป็นหนึ่งในหุ้นส่วน ด้วย ซึ่งมีด้วยกันอยู่สามคน คือ ไอ้มาร์คนที่นั่งยู่กับผม ตอนนี้และอีกคนไอ้เจสัน

“เปล่า” ผมตอบมันออกไปแค่นั้น มันรู้ว่าผมเป็นคนไม่ ค่อยพูด พูดน้อย น้อยซะจนบางคนที่รู้จักผมใหม่ๆ คิด ว่าผมเป็นใบ้ แต่ผมก็ไม่สน ในเมื่อผมไม่อยากพูดใครจะ บังคับได้

ผมชอบนั่งมองสถานการณ์อยู่ใกล้ๆ มากกว่า พวกมัน เลยไม่ค่อยสนใจผมเท่าไหร่ และที่ผมต้องมานั่งเครียด อยู่นี่เพราะว่ายัยว่าที่คู่หมั้นตัวป่วนที่อยู่คอนโดผมตอนนี้ เธอเข้ามาอยู่ผมได้ไม่ถึงวัน ผมก็รู้สึกว่าเธอพูดมากจนน่า รำคาญ เธอแสดงออกชัดเจนว่าสนใจผม

ไม่รู้ครอบครัวผมคิดยังไงให้หมั้นกับผู้หญิงแบบนั้น ดู จากการแต่งตัว และนิสัยมั่นอกมั่นใจของเธอแล้ว ผมไม่รู้ จะหาวิธีรับมือกับเธอยังไงดี ต่อไปนี้ชีวิตคงจะวุ่นวายน่าดู

ก่อนจะเข้ามาที่ผับผมก็แวะเข้าไปที่บ้าน ว่าจะไปคุ ยกับม๊าให้รู้เรื่อง ผมไม่เอาคู่หมั้นอะไรทั้งนั้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น มาขอร้องอ้อนวอนผมสารพัดเพื่อที่จะให้ ยัยตัวป่วนนั่นอยู่กับผมให้ได้ เหตุผลคือ รับปากกับทาง นั้นไว้แล้ว แล้วผมจะทำไงได้ล่ะครับต้องใจอ่อนสิ

แต่มาก็ไม่ได้บังคับผมมากเกินไป โดยตั้งเงื่อนไข ว่าให้ เราสองคนศึกษาดูใจกันเป็นเวลาหกเดือน ผ่านหกเดือน ไปถ้าทั้งสองคนยังไม่รักกัน จะยกเลิกงานหมั้นให้ ซึ่งผมก็ โอเค เพราะผมมั่นใจว่าจะไม่รักยัยพูดมากนั่นแน่นอน แต่ ไม่รู้ว่าเงื่อนไขนี้ยัยนั่นรู้รึเปล่า

ผมมองดูเวลาบนมือถือ เป็นเวลาห้าทุ่ม ยังไม่ดึกเท่าไหร่ สำหรับคนท่องราตรี ปกติถ้าไม่ได้ไปไหนผมก็จะผมอยู่ที่ นี่ ผับเราปิดตีสาม ที่นี่จะมีคนดูแลอยู่แล้วไม่จำเป็นที่พวก ผมจะเข้ามาก็ได้ แต่ก็เบื่อไง

“กูลงไปข้างล่างก่อนนะ” ไอ้มาร์คพูดขึ้น ผมก็พยักหน้า รับทราบ คงจะออกล่าหาสาวๆ อีกตามเคย

ผมก็นั่งจิบเหล้าไปพลางๆ และคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย นั่ง อยู่ตรงนี้จนตีสอง ก็ลุกขึ้น ถึงเวลากลับห้องสักที ดีหน่อย ที่พรุ่งนี้ไม่มีเรียน

ก๊อกๆ ๆ

“เฮีย ตื่นรึยัง อาบน้ำแล้วออกมาทานข้าวนะ”
เสียงอะไรมารบกวนการนอนของผมเนี่ย ผ ผม สะลึมสะลือเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากด้านนอก งงนิด หน่อยว่าเสียงผู้หญิงที่ไหนมาอยู่ในคอนโดผม เพราะผม ไม่เคยพาผู้หญิงมานอนที่นี่

แต่พอคิดไปสักพัก ก็นึกออก เอามือขยี้ผมตัวเองแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ยัยว่าที่คู่หมั้นตัวแสบนี่เองที่เรียกผม อยู่ข้างนอก

ชีวิตผม คงจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วสินะ ผมได้ยินเสียง เธอเรียกแต่ไม่ได้ตอบกลับไป แต่ก็ไม่ได้นอนต่อ เธอ เรียกผมออกไปกินข้าว ผมก็รู้สึกหิวเหมือนกัน เมื่อได้ กลิ่นหอมๆ ลอยเข้ามาในห้อง เพราะไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ เมื่อคืน ผมพายัยนั่นไปกินแต่ตัวเองไม่ได้กิน เพราะตอน นั้นยังไม่หิว ที่พาไปเพราะรำคาญที่เธอพูดมากก็เลยพา ไปให้สิ้นเรื่อง ผู้หญิงอะไรกินเยอะชะมัด ไม่กลัวอ้วนสัก นิด

ผมลุกจากที่นอน เดินเข้าไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จก็เดิน ออกมาข้างนอก ก็เห็นยัยตัวแสบกำลังทำกับข้าวอยู่ร้อง เพลงไปด้วย ดูมีความสุข

“อุ้ย เฮียมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอมยิ้มทำไมอ่ะ ขำหนูดีเห รอ” เธอหันหน้ามาก็ทำหน้าตกใจที่เห็นผมยืนอยู่ แถมยัง บอกว่าผมอมยิ้มอีก ผมเนี่ยนะอมยิ้ม ไม่มีทาง เธอต้องตา ฝาดแน่ๆ
“แนะ ถามแล้วไม่ตอบ นั่งรอเลยค่ะหนูดีทำใกล้เสร็จ แล้ว “เธอเห็นผมไม่พูดก็สั่งให้ผมนั่งรอ แล้วหันไปทำ กับข้าวต่อ ผมก็บ้าเดินไปนั่งรอตามเธอบอก ที่ทำนี่ไม่ได้ อะไรนะหิวเหมือนกัน

สักพักเธอก็ยกกับข้าวออกมา ร้องเพลงมาด้วยอารมณ์ดี จังนะแม่คุณ ผมได้แต่มองท่าทางของเธออยู่ที่โต๊ะอาหาร

“อยากจะได้คนนี้เป็นแฟน ก็ฉันนั้นอยากจะได้คนนี้เป็น แฟน ถ้าหากได้คนนี้เป็นแฟนก็ดี” อยู่ๆ เธอก็ร้องเพลงขึ้น มาแล้วหันมาทำสายตาแวววาวใส่ผมพร้อมกับชี้นิ้วมาหา ผม โฉงกหน้าเข้ามาหาผมนิดหน่อยพร้อมกับอ้าปากร้อง เพลงไปด้วย ผมสะบั้นไปสามวิและรู้สึกเหมือนว่าตัวเอง กำลังจะอมยิ้ม ผมจึงพยายามปรับสีหน้าและตีหน้าขรึม ใส่เธอเต็มที่ ยัยนี่ท่าจะบ้าเล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้

“หว้า ไม่ยิ้มหน่อยเหรอเฮีย เอาแต่ทำหน้ายักอยู่ได้” พอ เห็นผมไม่ยิ้ม เธอบ่นออกมาเบาๆ พร้อมกับเดินกลับไปยก กับข้าวมาตั้งโต๊ะต่อ ผมได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆ กับสิ่ง ที่เธอพูด ใครๆ ก็พูดแบบเธอว่าผมชอบทำหน้ายัก

“เสร็จแล้ว ลงมือได้เลยค่ะ หนูดีทำสุดฝีมือเลยนะ” เธอ โพนทะนาอาหารของตัวเองยกใหญ่ ก่อนจะตักข้าวให้ผม หวังว่าจะกินได้นะ
ตักข้าวให้ผมเสร็จเธอก็ตักให้ตัวเองบ้าง แล้วนั่งลงตรง

ข้ามกับผม

“เฮีย อันนี้อร่อย ซิมๆ” เธอตักกับข้าวให้ผม ซึ่งมองว่ามัน คือต้มยำกุ้ง ผมก็ตักเข้าปาก อืมก็ใช้ได้หนิ ผมเหลือบตาม องเธอเล็กน้อย เห็นจบเมืองนอกเมืองนามาไม่นึกว่าจะทำ กับข้าวเป็น

“อร่อยใช่ไหมคะ ได้หนูดีเป็นศรีภรรยานี่ไม่อดตายนะ ฮ่าๆ ๆ” เธอพูดยกยอตัวเองพร้อมกับหัวเราะ ผู้หญิงอะไร ยิ้ม หัวเราะ พูดมากได้ตลอดเวลาซึ่งมันต่างจากผมที่ไม่ ค่อยพูดไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่

“เฮียอ่ะ พูดบ้างดิ หนูดีเหมือนคนบ้าเลยพูดอยู่คนเดียว พูดนิดหนึ่งก็ยังดีนะๆๆๆ

“อืม” เธอขอร้องให้ผมพูดด้วย ถ้าอยู่ที่คนเยอะๆ เขาคง หาว่าเธอมากับคนใบ้แน่เลย เพราะผมไม่พูดอะไรกับเธอ เลยเอาแต่มองอย่างเดียว

“อะไรอ่ะ แค่เนี้ย โอ๊ย” พอเธอบอกให้พูดผมก็พูดแค่ อืม นั่นแหละเธอก็โวยวายใหญ่เลย ก็ผมเป็นคนพูดน้อย พูด ไม่เก่งนี่นาจะให้ทำไงล่ะยิ่งเป็นคนที่พึ่งรู้จักแบบนี้ยิ่งแล้ว ใหญ่

“โอเคค่ะ ไม่พูดก็ไม่พูด งั้นฟังอย่างเดียวก็พอ” เธอคงหมดหนทางที่จะทำให้ผมพูดได้แล้วเลยแค่ให้ผมฟัง

“คืองี้เฮียคงรู้แล้ว ว่าป๊ากับม้าเราจะจับเราสองคนหมั้น กัน” ผมพยักหน้ารับรู้ในเรื่องที่เธอพูด

“ซึ่งพวกท่านจะให้เราอยู่ด้วยกันที่นี่ด้วยกันเป็นเวลาหก เดือน ให้เราได้ศึกษาดูใจกัน ซึ่งถ้าภายในหกเดือนเรา สองคนรักกันก็จะได้หมั้นกันแต่ถ้าไม่ ก็ทางใครทางมัน ตกลงไหม” เธอร่ายออกมายาวเหยียด ซึ่งผมก็รับรู้ โอเค ตกลงว่าเธอรู้ข้อตกลงของสองครอบครัว

“อืม” ผมตอบออกไปสั้นๆ

“แล้วตอนนี้หนูดีก็ย้ายกลับมาเรียนที่ไทย เฮียต้องเป็น คนไปรับไปส่งหนูดีในระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน” เรื่องนี้ไม่ ค่อยอยากจะทำสักเท่าไหร่ ถ้าทำ นั่นก็หมายถึง ถ้าไป ไหนผมต้องเอาเธอไปด้วย

“ไม่” แค่นั้นแหละหลังจากที่เธอพูดจบ ผมทำหน้าเบื่อ หน่ายใส่เธอทันที

“ไม่อะไร อะไรคือไม่” เธอถามออกมาด้วยความสงสัย แค่นี้ทำไมต้องไม่เข้าใจ

“ไม่รับไม่ส่ง” นี่เป็นประโยคแรกที่ผมพูดยาวที่สุดกับเธอ
“ได้ไงอ่ะ หนูดีจะฟ้องม้าแน่ถ้าเฮียไม่ยอมอ่ะ” เธอยกเอา ม้ามาขู่ ยัยขี้ฟ้อง ผมได้แต่จ้องเธอเขม็งและด่เธออยู่ใน ใจ ไม่อยากพูดมากเดี่ยวเสียฟอร์ม ผมไม่สนใจเธอเดิน เข้าห้องมาเฉยๆ ทำไมชีวิตผมต้องมาเจอยัยพูดมากด้วย นะ หนูดีเหรอ เหอะ หนูผีชัดๆ ตามหลอกหลอนอยู่ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ