กบฏรักหัวใจปรารถนา

ตอนที่ 3



ตอนที่ 3

ปัญจมาลอบถอนใจ เมื่อบอกตัวเองว่าสิ่งที่วาดฝันอยู่ใน ใจ อาจจะไม่มีวันเป็นจริง

หญิงสาวสะดุ้ง ลืมไปว่าผู้ปกครองหนุ่มกำลังอบรมบ่ม นิสัยหล่อนอยู่

ขณะนี้เขาได้หยุดพร่ำสอน มองหน้าหล่อนเขม็งด้วย ประกายตาเข้มๆ ฉายแววชัดว่ากำลังจะสิ้นความอดทน กับหล่อน

“แจ้ไม่ได้ฟังอาเลยนี่” เสียงห้าวมีกังวาน ฟังว่าฉุนเฉียว

ไม่น้อย

“ฟังสิคะ อาภัณห์ว่าแจ้โง่ สอนอะไรไม่จำ

“ฟังครึ่งๆ กลางๆ นะสิ ที่อาพูดไปน่ะแค่ว่าดื้อด้านสอน อะไรก็คอยแต่จะต่อต้าน ไม่เอาเข้าสมองสักอย่าง

“อะไรบ้างคะที่อากัณห์ว่าสอนแล้วแจ้ไม่เอาเข้าสมอง”

“ถ้าฟังอย่างที่ปากพูดก็คงไม่ต้องถาม”

เขาเลิกคิ้วมองหล่อนอย่างหยันๆ วางนิตยสารที่อ่านอยู่ ก่อนจะถูกก่อกวนความสงบ ลงบนโต๊ะ
“อาคิดว่าพูดกับแจ้ หรือสีซอให้ควายฟังก็คงพอกัน” เขาลุกขึ้นเต็มความสูง เดินเฉียดหล่อนไปออกประตู

ปัญจมาเดือดปุด

ฟังที่เขาว่าสิ หล่อนกับไอ้ทุยก็พอกัน!

ดีละ… อยากมาว่าหล่อนพอๆ กับไอ้ทุย หล่อนก็จะทำ ตัวงี่เง่าให้สมกับค่าเขาว่า… ไม่ดีกว่า หล่อนจะเปลี่ยนคำ ปรามาสของเขาให้กลายเป็นคําชื่นชม

ลําดับแรกเลย หล่อนจะเริ่มปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ให้อยู่ในกรอบที่เขาจะต้องชอบ จากนั้น หล่อนก็จะต้องทําตัวให้เป็นคนฉลาด สามารถ

พูดคุยกับเขาได้อย่างคนปัญญาทัดเทียมกัน

บางทีอาจต้องถึงขั้นเลิกเที่ยวเตร่กับเพื่อนฝูง อยู่ติดบ้าน มากขึ้น

เพื่อเรียกคะแนนสงสารเพิ่ม หล่อนอาจต้องเข้าครัว ปรุง อาหารที่หล่อนเคยลองแล้วผลปรากฏว่ารสชาติคล้ายยา ถ่ายให้แม่ครูสายส่ายหน้าเล่น
ที่สำคัญสุด หล่อนจะเลิกเถียงเขา เขาว่าอะไรมาก็จะ วางสีหน้าเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างสำนึกในฐานะ ว่าเป็น เพียงผู้อาศัยบ้านเขาอยู่

จะทนก้มหน้านิ่ง ฟังคำสั่งสอนปนมาพร้อมเสียงเอ็ดโดย ไม่โต้แย้ง เลิกเถียงคำไม่ตกฟากตามที่เขามักจะว่าหล่อน อยู่บ่อยๆ

“โอ๊ยๆ ระวังค่ะคุณ” แม่สายร้องเสียงหลง เมื่อแป้งใน ตะแกรงที่ควรร่อนลงในชามกระเบื้องปลิวว่อน

คนกำลังเมามันในการร่อนแป้งเตรียมทำขนมที่รู้ว่า เป็นของโปรดเจ้าของบ้าน ก็ถึงสำลักกระอักไอจากผง แป้งที่ปลิวเข้าปากเข้าจมูก เรียกเสียงหัวเราะด้วยความ ขบขันจากเหล่าบรรดาคนในบ้านที่มาคอยดูคุณแจ้เรียน วิชาการครัวกับแม่สายอย่างครื้นเครง

“หน้าคุณแจ้ขาววอกไปหมดแล้วค่ะ คิกๆๆ”

เด็กรับใช้ในครัว ลูกมือแม่สายหัวเราะคิกคัก

ปัญจมาวางตะแกรงที่ยังเหลือเกล็ดแป้งหยาบๆ ยกมือ แตะใบหน้าตัวเองพลางถาม

“ตรงไหนอะลูกอินที่เลอะ ตรงนี้หรือเปล่า”
“คิกๆๆ ไม่ใช่ค่ะ” เด็กลูกอินตอบพลางหัวเราะคิกคัก พลางอย่างเด็กเส้นตื้น “แต่ตอนนี้เลอะทั่วหน้าแล้วค่ะ คิ้วคุณแจ้ยังกะคิ้วคนแก่แน่ะค่ะ คิก…”

เสียงหัวเราะคิกคักของเด็กลูกอินเหมือนถูกตัดฉับ สีหน้าขณะมองผ่านปัญจมาไปยังประตูดูเหยๆ ก่อนจะยิ้ม แหย แล้วค่อยๆ เคลื่อนกายออกห่างหญิงสาววัยมากกว่า สองปีขยับไปทางแม่สาย

อีกห้าคนที่มาคอยเชียร์ ล้วนสีหน้าเจื่อนไปตามๆ กัน ขณะมองไปยังจุดเดียว มีก็แต่แม่สายที่ยังคงสีหน้าปกติ

ปัญจมาหันไปมอง

ร่างสูงตรงของผู้ปกครองหนุ่ม ยืนอยู่กลางกรอบประตู เขากระพริบตา สีหน้างงๆ

“นี่เล่นอะไรกัน ครัวถึงได้ขาวโพลนไปหมดแบบนี้?”

“คุณแจ้หัดทำบลูเบอร์รี่ชีสพายค่ะ” แม่สายตอบแทน คนที่คิดจะเอาใจผู้ปกครอง

อกัณห์ส่ายหัว

“ซื้อเขาง่ายกว่ามั้ง… ถ้าพอจะมีใครว่างช่วยชงกาแฟให้สักแก้วด้วยนะ”

พูดเสียงเรียบก่อนหมุนตัวกลับ

เขาไม่ต้องรอนาน กาแฟร้อนส่งกลิ่นหอมก็ถูกนำเข้ามา ให้ในห้องทํางาน

หน้าตาเนื้อตัวคนยกกาแฟมาให้ดูสะอาดสะอ้านกว่าเมื่อ สักครู่ใหญ่ที่เขาเห็นในครัว

“ทำไมต้องเอามาเอง”

“ก็ไม่ใช่งานหนักอะไรนี่คะ” พูดติดต่อกันไป ขณะวาง ถ้วยกาแฟบนจานรองลงตรงหน้าผู้ปกครองหนุ่ม “ป้าสาย ฝากมาถามค่ะ เย็นนี้อากัณห์จะอยู่ทานข้าวที่บ้านหรือ เปล่า”

“อยู่” อภัณห์ตอบ แต่ขออาหารฝีมือแม่สายเถอะนะ อา ยังขยาดแกงส้มฝีมือเราไม่หาย

“แหม…”

ปัญจมาหน้าแดง… คิดว่างั้น เพราะรู้สึกร้อนวาบที่แก้มทั้งสองข้าง
ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะถูกพาดพิงถึงฝีมือแกงส้มที่ควรเปลี่ยน เป็นแกงหวาน ที่หล่อนลงมือปรุงสุดฝีมือไปเมื่อวาน แต่ เป็นเพราะสายตาเข้มๆ ที่กำลังมองมา เพียงแต่จุดโฟกัส ไม่ได้อยู่ที่ใบหน้าของหล่อน

อภัณห์ได้สติ เสหยิบถ้วยกาแฟขึ้นจิบ แต่ก็ถึงกับสำลัก

“ร้อนมากหรือคะ”

ปัญจมามองด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า” เขาตอบ วางถ้วยกาแฟลงบนจานรองตาม เดิม”ช่วยบอกทีซิ ว่าแจ้ไม่ได้ชงกาแฟแก้วนี้”

“เอ้อ…ทำไมละคะ หรือว่าขมไป?”

“ไม่ขม แต่เค็มปี่เลย”

“แต่แจ้ก็ทำตามสูตรที่ป้าสายบอกว่าอากัณห์ชอบนะคะ คือใส่เกลือแล้วก็บีบมะนาว น้ำตาลช้อนเดียว ครีมไม่ ต้อง”

“ยังไงแม่สายก็คงไม่ได้บอกให้ใส่เกลือเป็นช้อนแน่ๆ”อกัณห้ถอนใจก่อนพูดต่อ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ